ธรรมะสำหรับคนอกหัก

ในห้อง 'ทุกข์และปัญหาชีวิต' ตั้งกระทู้โดย bluebaby2, 7 พฤษภาคม 2012.

  1. bluebaby2

    bluebaby2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2010
    โพสต์:
    2,471
    ค่าพลัง:
    +4,288
    ถ้าคุณอยากหายทุกข์จริง ๆ คุณต้องยอมรับความจริงและปล่อยเขาไปให้ได้ครับผมเคยมีความทุกข์เรื่องความ รักมาก่อนและรู้สึกเหมือนอกจะฉีก ใจจะขาดเป็นชิ้นๆ แต่พอทำสมาธิจนเกิดปัญญาแล้วมันก็หายไปเลยเวลาไม่ถึง 1 วินาที อาการปวดหน้าอก ความแค้นใจหายไปหมดเลย ผมมีความรู้สึกว่ารู้แล้ว แต่ตอนนั้นไม่รู้ว่ารู้อะไรต้องทบทวนจึงเข้าใจ คุณสามารถทำได้นะครับผมอยากให้คุณพิจารณาตามนี้ (อาจทำใจยากหน่อยครับแต่หายจริง)
    -ให้คุณทำความเข้าใจว่าความทุกข์ทั้งหมดเกิดจากเราเองพยายามโทษตัวเองทั้ง หมด เพราะถ้าคุณมัวแต่ไปคิดว่าคนอื่นทำให้เราทุกข์เราจะไม่มีทางที่จะดับทุกข์ ได้เลยเพราะคนอื่นทำเรา แต่ถ้าคิดว่าเราเป็นผู้ทำให้เกิดทุกข์เองเราสามารถที่จะดับมันได้เอง
    -ขอให้คุณหาให้ได้ว่าความจริงแล้วคุณรักอะไรในตัวผู้ชายคนนั้นกันแน่ โดยปกติแล้วเรายังไม่สามารถรักเขาที่ตัวเขาได้ถ้าเรายังไม่เป็นพระอริยเจ้า แต่เราจะรักเขาที่ส่วนย่อย ๆ คุณอาจจะพบว่าสิ่งที่คุณรักจริง ๆ คือ ภาพเวลาเก่าๆ ที่เขาดีกับคุณ ภาพเวลาที่คุณสองคนเคยมีความสุขร่วมกัน หรืออาจจะเป็นอนาคตที่คุณวาดฝันเอาไว้ หรือภาพที่คุณฝันหวานถึงเขา
    -ขอให้คุณลองคิดดูว่าคุณทำตัวเป็นเจ้าของเขาหรือไม่ คุณมีความรู้สึกว่าคุณคนเดียวเท่านั้นที่ทำให้เค้ามีความสุขได้หรือว่าทุก ความสุขในชีวิตเขาเป็นของคุณหรือไม่ หรือคุณเคยคิดว่าไม่อย่ากให้เขามีความสุขเมื่ออยู่กับคนอื่นมากเกินไปหรือไม่ ถ้าใช่แสดงว่าคุณยึดติดกับช่วงเวลาที่คุณเคยมีความสุขกับเขาแล้วคุณอยากที่ จะรักษามันไว้คุณเลยทำตัวเป็นเจ้าของเขาไปเพราะเขาสามารถให้ความสุขกับคุณได้คุณเลยอยากเก็บเค้าไว้ให้ใกล้ตัวที่สุดแล้ววันหนึ่งเขาเกิดเลือกที่จะไม่ ให้ความสุขคุณแล้วคุณถึงได้มีความทุกข์มากมายขนาดนี้
    -นี่เป็นเพราะคุณไปสร้างตัวของคุณขึ้นในตัวของเขา คุณเลยคิดว่าคุณรักเขาแต่ความจริงแล้วคุณรักตัวเองผ่านทางเค้าหรือรักตัวคุณที่อยู่ในตัวเค้า ตัวตนที่คุณสร้างขึ้นเอง ซึ่งความรักนี้เป็นความเคยชินจากเด็กๆ คุณลองคิดดูว่าคุณมีพฤติกรรมแบบนี้หรือเปล่า เด็กอายุไม่กี่ปีเมื่อกำลังเล่นของเล่นอย่างหนึ่งอยู่แล้วมีเด็กอีกคนจะมา เล่นของเล่นเด็กคนที่เป็นเจ้าของของเล่นจะไม่ยอมให้เด็กอีกคนเล่นโดยเขาจะ แกล้งทำเป็นเล่นของเล่นชิ้นนั้นพอเด็กอีกคนไปแล้วเขาจึงกลับไปเล่นของเล่น ชิ้นเดิมและไม่สนใจของเล่นชิ้นนั้นเลย นี่เป็นความเคยชินสมัยเด็กที่ติดตัวมาแสดงออกเวลาที่เรามีความรัก
    -คุณต้องพิจารณาให้ดีว่าเราทำตัวเป็นเจ้าของเขาอย่างไร เรารักอะไรกันแน่ คนเรามีความยึดติดกับการยึดเป็นเจ้าของสิ่งต่างๆ มาก เช่น สมมติบ้านเรามีต้นมะม่วงอยู่พอมันมีมะม่วงเราก็เริ่มไปมองว่ามันเป็นของเราแล้วตั้งแต่อยู่บนต้นเลย พอคนอื่นเอาไปเราก็ทุกข์หนักเพราะเอาของเราไป เห็นไหมครับในกรณีนี้เจ้าของต้นไปสร้างตัวตนในมะม่วงอาจเป็นตัวตนเล็กๆ พอคนอื่นเอาไปจึงทุกข์ไม่มาก กรณีของคุณอาจสร้างตัวตนมากกว่าจึงทุกข์มากกว่าต้องพยายามดึงตัวตนที่คุณใส่ ไว่ในเขากลับมาเพราะมันไม่มีความจำเป็นที่จะต้องรักตัวเองผ่านคนอื่น คุณก็รักตัวเองเลยเดี๋ยวนี้เลย
    -ผมอยากให้คุณพิจารณาว่าคนทุกคนเกลียดตัวเองเป็นปกติโดยเราถูกสังคมหล่อหลอม ว่าเราไม่สมควรที่จะรักตัวเองควรรักคนอื่นก่อน แต่ความรักเป็นสิ่งที่จำเป็นคนเราเลยทำสิ่งที่แยบยลกว่าคือการสร้างตัวเรา ของเราในคนอื่นแล้วรักตัวเราของเราในคนอื่นแทนที่จะรักตัวเองโดยตรง ซึ่งการทำแบบนี้เองทำให้เราเกลี่ยดตัวเองและรักตัวเองไม่เป็น ถ้าคุณลองมารักตัวเองอย่างไม่มีเงื่อนไขคุณจะหายทุกข์ได้คุณจะดึงตัวตนทั้ง หมดที่คุณฝากไว้ทุกหนทุกแห่งกลับมาหาคุณและเริ่มรักตัวเองซึ่งการรักตัวเอง เป็นจุดเริ่มต้นของความรักทุกประเภท
    -การปฏิบัติผมอยากให้คุณเจริญสติอยู่กับปัจจุบันให้ได้ตลอดเวลาที่คนเราไม่ มีสติเพราะเราเกลียดตัวเองชอบหนีตัวเองไปอยู่ในโลกความคิด หนีไปอยู่กับอดีตแสนหวานบ้าง อนาคตที่รุ่งโรจน์บ้าง ถ้าคุณอยู่กับตัวเองและยอมรับตัวเองได้คุณจะมีความสุขมหาศาลขนาดที่ว่าหนึ่งปีนี้เทียบกับหนึ่งนาทียังไม่ได้ ขนาดที่ว่าถ้าสามารถเป็นคนนั้นคนนี้ได้จริงก็ยังไม่เอาเลือกที่จะเป็นตัวเอง
    -การภาวนาให้นั้งภาวนาไป ไม่ต้องคิดมาก แค่นึกถึงคำเหล่านี้ ตัวเราของเรา เกลียดตัวเอง ไม่ต้องคิดต่อครับอยู่กับคำสองคำนี้ให้นานที่สุดจนซักพักความคิดหยุดลงคุณจะ รู้เองและคุณจะดับทุกข์ทั้งหมดคุณจะไม่มีวันลืมวินาทีนั้นเลย
     
  2. bluebaby2

    bluebaby2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2010
    โพสต์:
    2,471
    ค่าพลัง:
    +4,288
    เค้นจากอารมณ์ตอนนั้นเลยครับ อีกหน่อยคงจำไม่ได้แล้ว ความจริงมันก็คือการ
    ทำวิปัสสนานั่นแหละแต่ตอนนั้นไม่รู้ว่าตัวเองทำวิปัสสนา ความทุกข์หรือสังขาร
    เก่าๆ มันจะปรากฏออกมาเรื่อยๆ ย้อนกลับไปตั้งแต่เด็ก ความทุกข์ทั้งหมดใน
    ชีวิตของเราจะถูกขุดขึ้นมาให้เราเผชิญ มันเป็นอาหารของความเศร้าหมอง ถ้า
    เราวางอุเบกขาเรื่อยๆ มันจะหายไปเรื่อย ความเศร้าหมองมันจะขาดอาหารจน
    มันอยู่ไม่ได้
     

แชร์หน้านี้

Loading...