คำสอนเกี่ยวกับการนินิทา-สรรเสริญ โดยหลวงพ่อพระราชพรหมยาน

ในห้อง 'หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ' ตั้งกระทู้โดย joni_buddhist, 29 กันยายน 2007.

  1. joni_buddhist

    joni_buddhist Legal returns ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2005
    โพสต์:
    13,555
    กระทู้เรื่องเด่น:
    203
    ค่าพลัง:
    +63,444
    [​IMG]
    นินทา - สรรเสริญ

    <DD>การนินทากาเลเหมือนเทน้ำ ไม่ชอกช้ำเหมือนเอามีดมากรีดหิน
    <DD>เรื่องนินทาและสรรเสริญ คือว่า การนินทา การสรรเสริญมันมีประจำโลก ถ้าหากว่ายังอยู่ในโลกเพียงใด มันก็ต้องพบกับคำนินทาและสรรเสริญ คนประเภท ไหนบ้างจะถูกนินทาและสรรเสริญ และคนประเภทไหนจะไม่ถูกนินทาไม่มีสรรเสริญ ก็คนที่ไม่ถูกนินทาไม่ถูกสรรเสริญก็คนพวกเดียว คือ พวกไม่เคยเกิด เขายัง ไม่รู้จัก ใช่ไหม ฉะนั้นคนที่เกิดมาแล้วย่อมถูกนินทาและสรรเสริญ แม้แต่พระพุทธเจ้าถูกนินทายังน้อยไป อย่างพราหมณ์ ๔ คน แกด่าต่อหน้าเรื่องนินทาพระพุทธเจ้า มีเยอะ ท่านทำถูก เขาทำผิดไม่เป็นไร ทีนี้คนที่อาศัยท่าน นินทาท่านซิ
    <DD>มีครั้งหนึ่ง ทรงพาพระสงฆ์เสด็จไป เวลานั้นก็มีปริพาชกพวกหนึ่ง มีสุปปิยปริพาชก เป็นหัวหน้า ผู้เป็นลุง นันทมาณพ เป็นหลาน เป็นรองหัวหน้า พาบรรดา ปริพาชกติดตามไป พระพุทธเจ้าพักตรงไหน พระอรหันต์พักตรงไหน เขาก็พักใกล้ ๆ ทั้งนี้เพราะอะไร ตอนเช้าพระไปบิณฑบาต คนใส่บาตรพระ พวกเขาก็เดินตามหลัง พลอยได้ด้วย ถ้าหากว่าไม่เดินตามพระ เดินตามลำพังไม่มีใครใส่บาตรให้กิน แกก็อาศัยพระพุทธเจ้า อาศัยพระอรหันต์ทุก ๆ วันเดินตามไปเรื่อย ๆ
    <DD>ต่อไปเดินไปถึง เมืองนาลันทา กับ เมืองราชคฤห์ ต่อกัน ในช่วงเส้นต่อกัน พระพุทธเจ้าก็พักตรงนั้น บรรดาสุปปิยปริพาชกกับบริวารก็พักใกล้ ๆ เดินตามไป ธรรมดา พระสงฆ์ถ้าอยู่ใกล้ ๆ พระพุทธเจ้า ก็ยิ่งสำรวมมากขึ้น ที่ไปนั้นโดยส่วนใหญ่เป็นพระอรหันต์ ที่เป็นพระปุถุชนก็มีอยู่ และทุกท่านบวชหวังดี ประสงค์ดี ก็มีการ สำรวมใช่ไหม ในระหว่างที่พักอยู่ พระก็มีอาการสำรวมตามปกติ ทีนี้บรรดาปริพาชก เขาไม่ค่อยจะมีระเบียบวินัย เล่นกันบ้าง ล้อกันบ้าง หยอกกันบ้าง เวลาเดินไป พระก็สำรวม ปริพาชกเล่นกัน หยอกล้อกัน
    <DD>ทีนี้เวลากลางคืน พระสงฆ์ทั้งหลายก็เจริญพระกรรมฐาน มีอารมณ์เงียบสงัด ถึงเวลาดึก ก็ต่างคนต่างนอน ต่างคนต่างจำวัด บรรดาพระสงฆ์ก็จำวัดล้อม พระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าอยู่ท่ามกลาง ทรงจำวัดในท่าสีหไสยาสน์ ก็เงียบ สุปปิยปริพาชกตื่นขึ้นมาตอนดึก เห็นพระเงียบ ไม่มีเสียงปรากฏ ดูลูกหลานบริษัทบริวาร ของตน นอนกรนบ้าง น้ำลายไหลบ้าง ก่ายกันบ้าง แกก็ย่องไปดูพระ คิดว่าพระคงจะหนีไปแล้ว ก็เห็นพระอยู่ทุกองค์ มีพระพุทธเจ้าเสด็จบรรทมอยู่ในท่ามกลาง ต่างองค์ต่างเรียบร้อยนอนสนิท มาดูบริวารของตน ก่ายกันบ้าง กรนบ้าง อะไรบ้าง ตามเรื่องตามราว เมื่อเห็นจริยาท่าทางของบริวารของท่านสู้พระไม่ได้ แทนที่ แกจะตำหนิตัวเองว่าไม่สามารถอบรมบริษัทให้ดีได้ กลับไปนั่งนินทาพระพุทธเจ้าตลอดคืน เห็นไหม เขาดีกว่า อาศัยกินด้วยนะนั่นน่ะ บิณฑบาตตามจึงได้กิน ถ้าพูดภาษาเราก็เป็นคนอกตัญญู ไม่รู้คุณคน
    <DD>ต่อมา หลานชาย นันทมาณพ ได้ยินเสียงลุงขึ้นมานินทาพระพุทธเจ้ากับพระสงฆ์ นันทมาณพก็ลุกขึ้นมาสรรเสริญพระพุทธเจ้า สรรเสริญพระสงฆ์ เอาซินะ สองคนนี้ถ้ารุ่นราวคราวเดียวกันชกปากกันแน่ แต่เผอิญลุงแก่กว่า ไม่กล้าชก ด่าอย่างเดียว
    <DD>เป็นอันว่า การนินทาและสรรเสริญของ ๒ คนนี้ก็ทราบไปถึงหูชาวบ้าน พอตอนเช้าพระไปบิณบาต ชาวบ้านก็เล่าให้พระฟังว่า เมื่อคืนนี้ สุปปิยปริพาชก นั่งนินทาพระรัตนตรัย เขานินทาหมด นินทาตัวพระพุทธเจ้า นินทาคำสอนของพระพุทธเจ้า นินทาพระสงฆ์สาวงของพระพุทธเจ้าหมดพระรัตนตรัย สำหรับ นันทมาณพ สรรเสริญพระรัตนตรัยตลอดคืนเหมือนกัน เป็นอันว่าลุงกับหลานมีความเห็นไม่ตรงกัน ชาวบ้านก็เล่าให้พระฟัง พระท่านก็แค่ฟัง ฟังมาแล้วท่านก็ไม่ได้คิดอะไรมาก พอฉันข้าวเสร็จ พอเวลาพระพุทธเจ้าเทศน์ พระก็เข้าไปพร้อมกัน พระบางองค์ก็กราบทูลให้พระพุทธเจ้าทรงทราบว่า เมื่อคืนนี้สุปปิยปริพาชกนินทาพระรัตนตรัย แต่ว่านันทมาณพสรรเสริญพระรัตนตรัย ทั้งสองนี้นินทาและสรรเสริญอยู่ตลอดคืน พระพุทธเจ้าก็เลยเทศน์เรื่องนี้ ท่านบอกว่า
    "ภิกขเว ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย นินทา ปสังสา การนินทาและสรรเสริญทั้งสองประการนี้ เป็นธรรมดาของชาวโลก"
    <DD>ชาวโลกทั้งหมดที่เกิดมานี้ต้องพบกับคำนินทาและสรรเสริญ ท่านก็เลยตรัสว่า การนินทาและสรรเสริญทั้งสองประการไม่มีอะไรเป็นผล ถ้าเราเป็นคนดี เขานินทาว่าเราเป็นคนชั่ว เราก็ไม่ชั่วไปตามปากเขาพูด ถ้าเราเป็นคนชั่ว เขาสรรเสริญว่าเราเป็นคนดี เราก็ไม่ดีไปตามปากเขาพูด ฉะนั้นความดีหรือความชั่วอยู่ที่ผลแห่งการปฏิบัติ ถ้าเราปฏิบัติดีเราก็ดี เราปฏิบัติเลวเราก็เลว ก็รวมความว่า ขอบรรดาภิกษุทั้งหลาย อย่าสนใจคำนินทาและสรรเสริญ คือ ไม่สนใจกับคำสรรเสริญที่เขาว่าเราดี เราไม่สนใจกับคำนินทาว่าเราชั่ว
    <DD>เป็นอันว่า พระพุทธเจ้าทรงแนะนำว่า จงอย่าสนใจทั้งคำนินทาและสรรเสริญ เขาสรรเสริญเราว่าดี อย่าหลงคำสรรเสริญ ถ้าหลงคำสรรเสริญ จะตกอยู่ในความประมาท เขานินทาว่าเราเลว ก็อย่าไปกลุ้มใจกับคำนินทา คำว่าดีหรือชั่วมันอยู่ที่ตัวเรา อยู่ที่ผลการปฏิบัติ
    <CENTER>จากหนังสือ ธัมมวิโมกข์ ฉบับที่ ๑๐๐ หน้า ๑๓๔ (ข้อคิดจากธรรมะ)</CENTER></DD><DD><CENTER>ที่มา www.dannipparn.net</CENTER></DD>
     

แชร์หน้านี้

Loading...