คำขอร้องจากเธอ

ในห้อง 'เรื่องผี' ตั้งกระทู้โดย rinnn, 13 กุมภาพันธ์ 2006.

  1. rinnn

    rinnn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    7,666
    ค่าพลัง:
    +24,027
    หลังกลับจากงานเผาศพของเพื่อนผู้หญิงที่ทำงานที่เดียวกันกับผม ซึ่งเธอเสียชีวิตอย่างน่าสงสารเพราะโดนข่มขืน แล้วนำศพไปทิ้ง พอตำรวจไปพบสภาพของเธอก็ดูไม่ได้เสียแล้ว ผ่านไปสองวันศพของเธอขึ้นอืดส่งกลิ่นเหม็นมีคนไปพบจึงแจ้งตำรวจ ในขณะที่ออฟฟิศก็สงสัยกันว่าเธอหายไปไหนไม่มาทำงานและก็ไม่ได้แจ้งลาเอาไว้ด้วยจึงผิดสังเกต ทุกอย่างดูวุ่นวายไปหมดครอบครัวของเธอมาตามหาเธอที่บริษัททางบริษัทเองก็มืดแปดด้านเหมือนกัน สุดท้ายแล้วตำรวจก็แจ้งมาว่าพบเธอเป็นศพอยู่ในพงหญ้าข้างทางแถบชานเมือง

    ในวันนี้เป็นวันเผาศพของเธอ แต่คดีความก็ยังไม่คืบหน้าว่าใครเป็นฆาตกร เป็นเรื่องที่พูดคุยกันในบริษัทของผมอย่างมาก ผมและเพื่อนในบริษัทต่างก็ไปงานเผาศพของเธอจนแน่นเต็มศาลาวัด จนเมื่อผมกลับมาบ้านในใจก็ยังนึกถึงภาพของเธอเวลาอยู่ในที่ทำงาน เธอจะเป็นคนน่ารัก หน้าตาดีชอบยิ้มแย้มแจ่มใส ผมเสียดายที่เธอไม่น่าจากไปด้วยเรื่องนี้เลย

    คืนนี้ผมปิดไฟนอนหลับตาลง ในสมองก็คิดถึงเธอกับความลับอีกเรื่องที่ไม่มีใครรู้คือผมแอบชอบเธอ.... ครู่นั้นใบหน้าของผมก็รู้สึกเหมือนมีลมหายใจที่เย็นยะเยือกลงมาปะทะอย่างแผ่วเบา ผมเปิดตาขึ้นมองแสงไฟจากดวงไฟทางข้างนอกหน้าต่างเล็ดลอดมาพอเห็นเรืองๆ มีใบหน้ามาประกบใกล้หน้าของผมเกือบจะแนบชิด ดวงตาคู่หนึ่งจ้องมองมาที่หน้าของผมเหมือนว่าผมส่องกระจก ผมผละตัวลุกขึ้นอย่างตกใจใบหน้านั้นก็หายไป มือของผมเอื้อมหาสวิตซ์ไฟอย่างรุกรน พลั๊ก! แสงไฟในห้องนอนถูกเปิดขึ้นส่องสว่าง ไม่มีอะไรปรากฏ แต่ทว่ามีเสียงดังกุกกักมาจากตู้เสื้อผ้า แล้วตู้ก็เปิดออกมีร่างของหญิงสาวผมยาวปรกหน้าคลืบคลานมาเหมือนผีนำเข้าจากเกาหลี เธอคลานมาจนอยู่ที่ปลายเท้าของผมซึ่งยืนขาแข็งไม่สามารถขยับตัวหนีไปไหนได้ เธอลูบไล้ขาของผมขึ้นมาเส้นผมที่ปรกหน้าเปิดออก เป็นใบหน้าของเธอซึ่งผมเพิ่งจะไปเผาศพเธอเมื่อเย็นนี้ ริมฝีปากเธอขยับจะพูดอะไรซักอย่างแต่เสียงที่ดังกลับกลายเป็นเสียงโหยหวนแห่งความเจ็บปวดก้องสะท้อนไปมาทั้งหูซ้ายและหูขวา ผมดิ้นสุดแรงสะบัดหลุดอกมาจากเธอเป้าหมายอยู่ที่ประตู วิ่งลงมาชั้นล่างของบ้านเพื่อหาคนช่วยแต่สิ่งที่ผมลืมไปคือวันนี้ไม่มีใครอยู่ หลอดไฟในบ้านถูกเปิดขึ้นทุกดวง ลากเก้าอี้มานั่งกลางบ้านเพื่อจะมองเห็นได้รอบๆ ตั้งสติคิดให้แน่วแน่ คิดถึงเมื่อเย็นที่งานศพผมก็ไม่ได้ไปล่วงเกินอะไร ก็จุดธูปไหว้ขออโหสิกรรมก่อนลากลับ

    การรุกคืบหลอกหลอนของเธอเริ่มต้นขึ้นอีกเมื่อแสงทุกดวงในบ้านไล่เรียงดับลงจากชั้นบนลงชั้นล่างอย่างจงใจ เอาละว่ะโดนหลอกแน่! เสียงโหยหวนดังก้องขึ้นอีกครั้งเหมือนอยู่ในโรงหนังมันดังขึ้นอยู่รอบๆตัว ให้ผมหวาดกลัวลุกขึ้นวิ่งไปหยิบกุญแจรถแล้วขับออกจากบ้านไปอย่างทุลักทุเล ในใจก็คิดกะอีแค่แอบชอบทำไมถึงต้องมาหลอกมาหลอนกันด้วย ผมขับรถไป มุ่งสู่บ้านของพี่สาวเพื่อจะขออาศัยนอนด้วยในคืนนี้ แต่แล้วสูตรสำเร็จของผีที่อยู่บนรถคือจะต้องโผล่หน้าแว๊บๆให้เห็นในกระจกส่องหลัง คราวนี้เธอเพิ่มลูกเล่นการหลอนด้วยการโผล่หน้ามาพร้อมกันในกระจกทุกบานในรถ ซึ่งมันก็ได้ผลขนหัวผมลุกพรึบอย่างกับว่ามันจะพุ่งออกจากหนังหัวผมให้ได้เหมือนกับขนเม่น และขนแขนไม่ได้เพียงสแตนด์อัพแต่ถึงกับกระโดด กระจกหน้ามีใบหน้าของเธอเต็มอัตราเหมือนที่บังแดด สายตาเธอเศร้าสร้อย แต่ความรู้สึกผมกลับไม่เหงาหงอยด้วยเพราะความกลัว กลัวเธอ

    เอี๊ยด!!!!!!! เสียงรถของผมเบรกด้วยตัวของมันเองดังลั่นท้องถนนโชคดีที่ถนนโล่งจึงไม่มีรถที่ตามหลังพุ่งมาชน

    ผมตั้งสติมองใบหน้าเธอในกระจก แล้วริมฝีปากเธอขยับพูดบางอย่าง แต่ไม่มีเสียง จึงอ่านจากปากที่เธอพูดก็พอรู้ว่าเธอพูดเรื่องอะไร เธออยากให้ตำรวจจับฆาตกรให้ได้อยากให้เรื่องมันจบสิ้นเสียที มิเช่นนั้นวิญญาณเธอก็ยังคงจะวนเวียนอยู่ในโลกนี้ตลอดไป ถ้าคนที่ทำเธอมันยังลอยนวลอยู่ในสังคมได้อย่างลอยหน้าลอยตาเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นวิญญาณเธอก็จะไม่พ้นบ่วงเสียที สติของผมข่มทับความกลัวได้นิ่งงันในขณะนั้นผมมองดูถึงเหตุและผล ความดีความชั่วที่ทัดเทียม และผลการกระทำของบุญและกรรมที่ใครก่อไว้ก็ต้องรับสิ่งนั้น สายตาที่วิงวอนของเธอได้เข้ากัดกินหัวใจของผมจนเข้าใจความรู้สึกที่ปวดร้าวอย่างแสบลึกในดวงวิญญาณที่เคว้งคว้างไร้ตัวตน ความเจ็บปวดในคราบมนุษย์ยังคงตามมาสถิตและหลอกหลอนเธอในร่างของวิญญาณและความรู้สึกนี้มันคงจะกัดกินเธอไปตลอด ถ้าผมไม่ช่วยเหลือ ผมไร้สิ้นซึ่งความกลัวต่อตัวเธอ เพราะหัวใจได้หลอมรวมเอาโลกของเราทั้งสองไว้เป็นโลกเดียว... โลกของบุญและกรรม

    .........................

    คืนนั้นเธอจากไปแล้วผมก็ขับรถกลับมาที่บ้าน เดินมองไปรอบๆเห็นสิ่งของต่างๆที่มันได้จัดวางมาตั้งแต่ผมยังคงเป็นเด็กเติบโตมากับบ้านหลังนี้ หยิบอัลบั้มรูปถ่ายในที่ต่างๆที่ผมถ่ายกับครอบครัว แล้วก็คิดจนเข้าใจตามความรู้สึกที่เธอบอกเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่ใบหน้าเธอจะหายจากไปจากกระจกรถว่า ถ้าซักวันผมต้องลาจากคนในครอบครัวอันเป็นที่รักและห่วงใยที่สุดไปยังที่แสนไกลโดยไม่ได้ลาจาก ผมจะเข้าใจเธอ แค่เพียงคิดครู่นั้นเองดวงตาของผมก็เอ่อล้นด้วยน้ำตา...................

    .................................

    รุ่งเช้าผมขับรถไปที่สถานีตำรวจ ด้วยความตั้งใจจะช่วยเหลือเธอ พอไปถึงผมเดินเข้าหาตำรวจที่เข้าเวร ก้าวเท้าเดินอย่างแน่นหนักแล้วหยุดตรงหน้า ยกแขนทั้งสองแนบชิดยื่นขึ้นให้
     
  2. sornchai-k

    sornchai-k เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2005
    โพสต์:
    182
    ค่าพลัง:
    +672

แชร์หน้านี้

Loading...