ความเป็นมาของพระไตรปิฎก ตอน 58

ในห้อง 'พระไตรปิฎก' ตั้งกระทู้โดย guawn, 23 ตุลาคม 2006.

  1. guawn

    guawn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    10,642
    ค่าพลัง:
    +42,113
    ความเป็นมาของพระไตรปิฎก ตอน 58

    คอลัมน์ ธรรมะใต้ธรรมาสน์

    ไต้ ตามทาง



    (15) คนโง่มัวคิดวุ่นวายว่า เรามีบุตร เรามีทรัพย์ ก็เมื่อตัวเขาเองก็มิใช่ของเขา บุตรและทรัพย์จะเป็นของเขาได้อย่างไร

    (16) คนโง่รู้ตัวว่าโง่ ยังพอมีทางฉลาดได้บ้าง แต่โง่แล้วอวดฉลาด นั้นแหละเรียกว่าคนโง่แท้

    (17) คนพาลได้ความรู้มาเพื่อทำลายตนถ่ายเดียว ความรู้นั้นทำลายคุณความดีของเขาสิ้น ทำให้มันสมองเขาตกต่ำไป

    (18) ทางหนึ่งแสวงหาลาภ ทางหนึ่งไปนิพพาน รู้อย่างนี้แล้ว ภิกษุพุทธสาวกไม่ควรไยดีลาภสักการะ ควรอยู่อย่างสงบ

    (19) ชาวนาไขน้ำเข้านา ช่างศรดัดลูกศร ช่างไม้ถากไม้ บัณฑิตฝึกตน

    (20) ขุนเขาย่อมไม่สะเทือนเพราะแรงลมฉันใด บัณฑิตก็ไม่หวั่นไหวเพราะนินทา หรือสรรเสริญฉันนั้น

    (21) ห้วงน้ำลึก ใส สะอาด สงบ ฉันใด บัณฑิตฟังธรรมแล้วย่อมมีจิตใจสงบ ฉันนั้น

    (22) ผู้เดินถึงจุดหมายปลายทางแล้ว วิมุติหลุดพ้นโดยประการทั้งปวง หมดโศก หมดเครื่องผูกพันแล้ว ความร้อนใจก็หมดไป

    (23) พระอรหันต์เป็นอิสระเพราะรู้แจ้ง สงบระงับ และมีจิตใจมั่นคง ใจของท่านย่อมสงบ วาจาก็สงบการกระทำทางกายก็สงบ

    (24) ไม่ว่าจะเป็นบ้าน หรือป่า ไม่ว่าที่ลุ่มหรือดอน พระอรหันต์ทั้งหลายอยู่ ณ ที่ใด ที่นั่นเป็นที่รื่นรมย์

    (25) บทกวีที่บรรยายธรรมบทเดียว ที่ทำให้ผู้ฟังได้รับความสงบ ประเสริฐกว่าบทกวีที่ท่องจำได้ตั้งพันโศลก แต่ไม่มีประโยชน์แม้แต่บทเดียว

    (26) ชนะตนเองดีกว่าชนะข้าศึกเป็นพันๆ ในสงคราม คนเช่นนี้นับว่าเป็น "ยอดขุนพล" แท้

    (27) ผู้มีศีล สมาธิ มีชีวิตอยู่วันเดียว ประเสริฐกว่าชีวิตตั้งร้อยปีของผู้ทุศีล ไร้สมาธิ

    (28) พึงเร่งทำความดีและป้องกันจิตจากความชั่ว เพราะถ้ากระทำความดีช้าไป จิตใจจะกลับยินดีในความชั่ว

    (29) อย่าดูถูกความชั่วเล็กน้อยว่าจะไม่เผล็ดผล น้ำตกจากเวหาทีละหยาดๆ ยังเต็มตุ่มได้ คนพาลทำความชั่วทีละเล็กละน้อย ก็ย่อมเต็มด้วยความชั่วเช่นกัน

    (30) เมื่อไม่มีแผล คนย่อมจับต้องยาพิษได้ ยาพิษไม่สามารถทำอันตรายได้ บาปก็ไม่มีแก่ผู้ไม่ทำบาปเช่นกัน

    (31) ไม่ว่าบนท้องฟ้า ไม่ว่าท่ามกลางมหาสมุทร ไม่ว่าในหุบเขา ไม่มีแม้แต่ที่เดียวที่ผู้ทำกรรมชั่วอาศัยอยู่ จะหนีพ้นกรรมไปได้

    (32) สัตว์ทั้งหลายกลัวโทษทัณฑ์ สัตว์ทั้งหลายรักชีวิตตนเอง เปรียบตนเองกับคนอื่นอย่างนี้แล้วก็ไม่ควรฆ่าหรือสั่งให้ฆ่าผู้อื่น

    (33) ความแก่และความตาย ไล่ต้อนอายุสัตว์ทั้งหลายไป เหมือนเด็กเลี้ยงโคต้อนฝูงโคไปสู่ที่หากิน

    (34) จะมัวร่าเริงสนุกสนานกันไปทำไม ในเมื่อโลกกำลังลุกเป็นไฟอยู่เนืองนิตย์ พวกเธอถูกความมืดมิดปิดบังอยู่ฉะนี้ ไยไม่แสวงหาแสงสว่างกันเล่า

    (35) คนโง่ย่อมแก่เปล่าเหมือนโคถึก มากแต่เนื้อหนังมังสา แต่ปัญญาหาเพิ่มขึ้นไม่

    (36) เมื่ออยู่ในวัยหนุ่มสาว ไม่ทำตัวให้ดี และไม่หาทรัพย์ไว้ พอถึงวัยแก่เฒ่าพวกเขาย่อมนอนเป็นทุกข์ ทอดถอนใจรำพึงถึงความหลัง เหมือนธนูหัก (ใช้ยิงอะไรก็ไม่ได้)

    (37) สอนคนอื่นอย่างใดควรทำตนอย่างนั้น ฝึกตนเองได้แล้วค่อยฝึกคนอื่น เพราะตัวเองฝึกได้แสนยาก

    (38) คนทุศีลก็เหมือนต้นไม้ที่เถาวัลย์ขึ้นจนรก เขาทำตัวเองให้วอดวาย มิจำต้องรอให้ศัตรูมาคอยกระทำให้

    (39) สูเจ้าทั้งหลายจงมาดูโลกนี้ อันวิจิตรตระการตาดังราชรถทรง ณ ที่นี้แหละเหล่าคนโง่พากันหมกอยู่ แต่ผู้รู้หาข้องอยู่ไม่

    (40) โลกนี้มืดมน น้อยคนจักเห็นแจ้ง น้อยคนจักไปสวรรค์ เหมือนนกติดข่าย น้อยตัวจะหลุดรอดไปได้

    (41) พระยาหงส์เหินฟ้าไปหาพระอาทิตย์ ผู้มีฤทธิ์เหาะเหินเดินอากาศ นักปราชญ์ออกไปจากโลกเพราะเอาชนะมารพร้อมทั้งกองทัพ

    (42) ถึงแม้เงินจะไหลมาดั่งห่าฝน ความอยากของคนก็หาอิ่มไม่ กามวิสัยมีความสุขน้อย มากไปด้วยทุกข์ รู้ดังนี้แล้ว สาวกพระพุทธเจ้าย่อมไม่ยินดีกามารมณ์แม้ที่เป็นทิพย์ หากแต่ยินดีในทางสิ้นกิเลสตัณหา

    (43) บุรุษอาชาไนยหาได้ยาก เขาไม่เกิดในที่ทั่วไป คนฉลาดเช่นนั้นเกิดในตระกูลใด ตระกูลนั้นย่อมรุ่งเรืองด้วยความสุข

    (44) ผู้ชนะย่อมก่อเวร ผู้แพ้ย่อมเป็นทุกข์ ผู้ละได้ทั้งความชนะและความแพ้ มีจิตใจสงบนั้นแหละเป็นสุข

    (45) ความไม่มีโรคเป็นลาภอย่างยิ่ง ความรู้จักพอเป็นทรัพย์อย่างยิ่ง ความไว้วางใจกันเป็นญาติอย่างยิ่ง พระนิพพานเป็นสุขอย่างยิ่ง

    (46) พยายามในสิ่งที่ไม่ควรพยายาม ไม่พยายามในสิ่งที่ควรพยายาม ละเลยสิ่งที่เป็นประโยชน์ คนเช่นนี้ก็ได้แต่ริษยาคนที่พยายามช่วยตนเอง

    (47) อย่าติดในสิ่งที่รัก หรือไม่รัก การพลัดพรากจากสิ่งที่รักเป็นทุกข์ การพบเห็นแต่สิ่งที่ไม่เป็นที่รักก็เป็นทุกข์

    (48) ที่ใดมีรักที่นั่นมีโศก ที่ใดมีรักที่นั่นมีภัย เมื่อไม่มีความรักเสียแล้วโศกภัยก็ไม่มี

    (49) ผู้ใดยับยั้งความโกรธที่เกิดขึ้นไว้ได้เหมือนสารถีหยุดรถที่กำลังแล่น ผู้นั้นเราเรียกว่าสารถี ส่วนคนนอกนั้นได้ชื่อเพียงคนถือเชือก

    (50) พึงเอาชนะความโกรธด้วยความไม่โกรธ เอาชนะความร้ายด้วยความดี เอาชนะคนตระหนี่ด้วยการให้ เอาชนะคนพูดพล่อยด้วยคำสัตย์

    (51) อตุละเอย เรื่องนี้มีมานานแล้ว มิใช่เพิ่งจะมีในยุคปัจจุบัน อยู่เฉยๆ เขาก็นินทา พูดมาก เขาก็นินทา พูดน้อยเขาก็นินทา ไม่มีใครในโลกที่ไม่ถูกนินทา ไม่ว่าอดีต ปัจจุบัน คนที่ถูกสรรเสริญหรือนินทาโดยส่วนเดียว ไม่มี

    (52) คนมีปัญญาควรขจัดมลทินของตนทีละน้อยๆ ทุกๆ ขณะโดยลำดับ เหมือนนายช่างทองปัดเป่าสนิมแร่ทอง

    (53) จงรู้เถิดบุรุษผู้เจริญเอย ความชั่วร้ายมิใช่สิ่งที่พึงจะควบคุมได้ง่ายๆ ขอความโลกและความชั่วช้า อย่าได้ฉุดกระชากเธอไปหาความทุกข์ตลอดกาลนานเลย

    (54) ไม่มีไฟใดเสมอไฟราคะ ไม่มีเคราะห์ใดเสมอโทสะ ไม่มีข่ายดักสัตว์ใดเสมอโมหะ ไม่มีแม่น้ำใดเสมอตัณหา




    ที่มาhttp://www.matichon.co.th/khaosod/khaosod_detail.php?s_tag=03bud07231049&day=2006/10/23
     

แชร์หน้านี้

Loading...