คณะทูต 44 ประเทศ ทึ่งความตระการตาพระเมรุ

ในห้อง 'ข่าวในพระราชสำนัก' ตั้งกระทู้โดย คือ~ว่างเปล่า!, 7 พฤศจิกายน 2008.

  1. คือ~ว่างเปล่า!

    คือ~ว่างเปล่า! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2008
    โพสต์:
    1,647
    ค่าพลัง:
    +474
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>คณะทูต 44 ประเทศ ทึ่งความตระการตาพระเมรุ
     
  2. คือ~ว่างเปล่า!

    คือ~ว่างเปล่า! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2008
    โพสต์:
    1,647
    ค่าพลัง:
    +474
    ทูต 42 ชาติ ตื่นตาพระเมรุ

    ณัฐพงษ์ บุณยพรหม รายงาน



    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]

    </TD></TR></TBODY></TABLE>ในวันที่ 14-19 พ.ย. จะเป็นช่วงเวลาสำคัญของประเทศไทย ที่พสกนิกรทั่วประเทศจะร่วมกันถวายความอาลัย และร่วมส่งเสด็จสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ สู่สวรรคาลัย ซึ่งการเตรียมงานพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพฯ นั้นขณะนี้มีความพร้อมสมบูรณ์ โดยเฉพาะพระเมรุและอาคารประกอบ ภายในมณฑลพิธีท้องสนามหลวงนั้น ขณะนี้แล้วเสร็จเกือบ 100 เปอร์เซ็นต์

    ในช่วงเย็นของวันที่ 7 พ.ย. ที่ผ่านมา กระทรวงวัฒนธรรมเชิญคณะทูตานุทูตที่ประจำประเทศไทย จากประเทศต่างๆ 42 ประเทศ จำนวนกว่า 70 คน อาทิ นายเดวิด สปรูล เอกอัครราชทูต ประเทศแคนาดา นายอีแวน โฮเต็ก เอกอัครราชทูต สาธารณรัฐเช็ก นายเคียวจิ โคะมะจิ เอกอัครราชทูต ประเทศญี่ปุ่น นอกจากนี้ยังมีเอกอัครราชทูตจาก เยอรมนี อิตาลี ออสเตรเลีย บราซิล อาร์เจนตินา อินโดนีเซีย เดนมาร์ก อินเดียั้ลาว มาเลเซีย เม็กซิโก เนปาล เนเธอร์แลนด์ สเปน ตุรกี สวิตเซอร์แลนด์ เป็นต้น เข้าชมพระเมรุ อาคารประกอบ โรงราชรถ ราชยาน และพระยานมาศ ที่จะใช้ในพิธีพระราชทานเพลิงพระศพ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ เพื่ออธิบายเกี่ยวกับการจัดสร้างพระเมรุตามโบราณราชประเพณี และจะเป็นการให้ความรู้แก่คณะทูตก่อนเข้าร่วมพระราชพิธี จริง

    นายวีระโรจน์พจนรัตน์ ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม เปิดเผยว่า การนำคณะทูตานุทูตจากประเทศต่างๆ เข้าชมพระเมรุในครั้งนี้ เป็นการเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับเรื่องราชประเพณีโบราณแก่ชาวต่างชาติได้รับทราบ อีกทั้งคณะทูตานุทูตที่เข้าชมพระเมรุในครั้งนี้จะเข้าร่วมงานในพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ในวันที่ 15 พ.ย. นี้

    สำหรับการชมพระเมรุของทูตานุทูตในครั้งนี้เริ่มต้นจากพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร โดยนายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล รมว.วัฒนธรรม นายวีระ โรจน์พจนรัตน์ ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม มาคอยให้การต้อนรับ และนำคณะทูตานุทูตเข้ารับฟังการแสดงดนตรี เพลงน้อมรำลึกถวายอาลัยพระพี่นางฯ โดยวงดุริยางค์กรมศิลปากร <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=right border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]

    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    พร้อมรับฟังการบรรยายและชมวีดิทัศน์เรื่อง "พระเมรุในยุคแรกเริ่ม" ในส่วนของการบรรยายนั้น

    ม.ร.ว.จักรรถ จิตรพงศ์ อดีตปลัดกระทรวงวัฒนธรรม รับหน้าที่เป็นวิทยากรบรรยายพิเศษ

    ลำดับถัดมาคณะทูตานุทูตจะเข้าชมโรงราชรถ เพื่อชมราชรถ ราชยานที่ใช้ในการออกพระเมรุตามโบราณราชประเพณี จนมาถึงการจัดงานพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ซึ่งประกอบด้วย พระมหาพิชัยราชรถ ราชรถน้อย 3 องค์ พระยานมาศสามลำคาน เกรินบันไดนาค พระที่นั่งราเชนทรยาน พระวอสีวิกากาญจน์ รวมทั้งพระโกศจันทน์ทรงพระบรมศพสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ที่ใช้เป็นต้นแบบสร้างพระโกศจันทน์ทรงพระศพสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ เป็นต้นั้สำหรับในจุดนี้มีผู้เชี่ยวชาญของกรมศิลปากรเป็นวิทยากรนำชม

    ตลอดเวลาที่คณะทูตเข้าเยี่ยมชมโรงราชรถนั้นคณะทูตทุกคนต่างให้ความสนใจและชื่นชมในการประดับลวดลายของราชรถที่มีความงดงามตามแบบจิตรกรรมไทย รวมถึงซักถามถึงประวัติความเป็นมา ขั้นตอนการบูรณะและรูปแบบการใช้งานของราชรถแต่ละองค์ โดยเฉพาะพระมหาพิชัยราชรถ และพระโกศจันทน์ นั้นดูจะได้รับความสนใจจากคณะทูตเป็นพิเศษ

    เมื่อชมโรงราชรถแล้วคณะทูตานุทูตเดินทางโดยรถรางเพื่อชมบรรยากาศโดยรอบพระเมรุ แล้วจึงเข้าชมภายในบริเวณโดยรอบพระเมรุ ตั้งแต่พระเมรุ พระที่นั่งทรงธรรม ทับเกษตร และอาคารประกอบอื่นๆ โดยมีน.อ.อาวุธ เงินชูกลิ่น ประธานคณะทำงานจัดสร้างพระเมรุและอาคารประกอบ นายเกรียงไกร สัมปัชชลิต อธิบดีกรมศิลปากร ให้การต้อนรับ สำหรับการนำชมพระเมรุนั้น ม.ร.ว.จักรรถ เป็นผู้บรรยายความเป็นมาในการก่อสร้างพระเมรุ อาคารประกอบ รวมถึงเหล่าทวยเทพเทวดา สรรพสัตว์ในป่าหิมพานต์ต่างๆ ให้กับคณะทูตานุทูต

    คณะทูตานุทูตจากต่างประเทศต่างพากันชื่นชมความงดงามของพระเมรุและอาคารประกอบที่ใช้ในพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพฯ ต่างพากันสอบถามม.ร.ว.จักรรถถึงคติความเชื่อการสร้างพระเมรุตามโบราณราชประเพณี โดยม.ร.ว.จักรรถได้อธิบายให้คณะทูตฟังว่า คติความเชื่อโบราณให้ความสำคัญและเทิดทูนสถาบันกษัตริย์ ตลอดจนพระบรมวงศานุวงศ์ เสมือนสมมติเทวราช เมื่อสวรรคตหรือสิ้นพระชนม์หมายความว่าได้เสด็จกลับสู่สวรรคาลัย ณ เทวาสถาน คือเขาพระสุเมรุ ศูนย์กลางของจักรวาล การสร้างพระเมรุและอาคารประกอบอื่นๆ จึงเป็นเหมือนการจำลองให้คล้ายกับเขาพระสุเมรุ <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]

    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    นอกจากนี้ทูตบางคนยังนำกล้องถ่ายภาพขึ้นมาบันทึกภาพพระเมรุเพื่อเก็บไว้เป็นที่ระลึก และขณะที่คณะทูตานุทูตเดินทางไปชมพระเมรุนั้นเป็นช่วงเวลาที่แสงแดดยามเย็นสาดส่องไปยังองค์พระเมรุสะท้อนกับแสงด้วยสีทองของผ้าทองย่นฉลุลายซ้อนทับกระดาษสีที่ใช้ประดับตกแต่งพระเมรุ เกิดเป็นภาพของความงดงามมากยิ่งขึ้น

    คณะทูตบางส่วนให้ความสนใจกับรูปเทวดานั่ง เทวดายืน ทั้ง 42 องค์ ที่อยู่รายรอบพระเมรุ รวมถึงสัตว์หิมพานต์ อย่าง กินนร ด้านทิศตะวันตก อัปสรสีหะ รูปครึ่งคนครึ่งสิงห์ ที่ด้านทิศเหนือ และนกทัณฑิมา ด้านทิศใต้ ต่างซักถามถึงความหมาย วิธีการสร้าง และการตกแต่งลวดลายที่งดงามมีเอกลักษณ์แสดงถึงความเป็นไทย

    ทั้งนี้กระทรวงวัฒนธรรมได้จัดทำแผ่นพับนำชมพระเมรุฉบับภาษาอังกฤษ จำนวน 1,000 ฉบับ รวมทั้งนำหนังสือพระประวัติและพระกรณียกิจ ฉบับภาษาอังกฤษ และภาษาฝรั่งเศส แจกให้แก่คณะทูตผู้เข้าชม พร้อมกับมอบดอกแก้วกัลยาไว้เป็นที่ระลึกในการเข้าชมพระเมรุให้กับคณะทูตอีกด้วย

    น.ส.วิชยา ละตา เรดดี เอกอัครราชทูตอินเดีย ประจำประเทศไทย กล่าวถึงความรู้สึกที่ได้ชมพระเมรุว่า รู้สึกประทับใจ และรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้เข้าชมพระเมรุ เพราะวัฒนธรรมไทยกับอินเดียนั้นมีความคล้ายคลึงกัน ที่ผ่านมาให้ความสนใจวัฒนธรรมของประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง

    ส่วนตัวยังไม่มีโอกาสเข้าเฝ้าสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ แต่ได้ยินเรื่องราวอันงดงาม เกี่ยวกับพระประวัติและพระกรณียกิจของพระองค์ ที่ทรงทำเพื่อคนไทย นอกจากนี้ยังรู้สึกชื่นชม และภาคภูมิใจแทนคนไทยที่ยังรักษาวัฒนธรรมและประเพณีโบราณ และยังรักษามาจนถึงทุกวันนี้ ประทับใจที่ได้เข้าชมพระเมรุในครั้งนี้ และจะเก็บภาพความประทับใจไว้ในความทรงจำ

    ด้านนายลุยส์ อาร์ดูโร ปวยน์เด ออร์เดกา เอกอัครราชทูตเม็กซิโก ประจำประเทศไทย กล่าวด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้มว่า การที่ได้เข้าชมพระเมรุในวันนี้ถือเป็นโอกาสอันดีที่จะได้รับทราบข้อมูล เนื่องจากวันที่ 15 พ.ย.จะต้องเข้าร่วมในพระราชพิธี ด้วย รู้สึกปลาบปลื้มและภาคภูมิใจ ซึ่งตนประทับใจทั้งโรงราชรถ พระมหาพิชัยราชรถ และพระเมรุ สัมผัสได้ถึงวัฒนธรรมที่ดีงามของไทย ที่สำคัญคือความจงรักภักดีของคนไทยที่มีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ จะนำเรื่องราวที่ดีของไทยไปบอกต่อให้คนเม็กซิโกมาเที่ยวชมและสัมผัสวัฒนธรรมของไทยที่หาชมได้ยากในประเทศอื่น

    ขณะที่นายโยฮันนีส ปาปาดูปูลอส เอกอัครราชทูตกรีก ประจำประเทศไทย เปิดเผยความรู้สึกว่า มีโอกาสเข้าเฝ้าสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ เมื่อเดือน ก.ค.ปี 2551 โดยใช้เวลาเข้าเฝ้าถึง 3 ชั่วโมง รู้สึกเสียใจกับคนไทยทุกคนที่สูญเสียพระองค์ท่านไป แต่ไม่เฉพาะแต่คนไทยเท่านั้นที่รู้สึกเสียใจ ชาวต่างประเทศทุกคนก็รู้สึกเสียใจเช่นกัน และที่สำคัญตนรู้สึกว่าคนไทยมีความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ และการที่ได้มาเข้าชมพระเมรุในวันนี้ก็ถือเป็นประสบการณ์ที่ดี

    การเข้าชมพระเมรุสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ของคณะทูตานุทูตในครั้งนี้ ทำให้คณะทูตได้เห็นความจงรักภักดีของประชาชนชาวไทย ที่แสดงออกผ่านงานก่อสร้างพระเมรุ

    และเป็นการแสดงศิลปกรรมชั้นสูงของช่างไทย ในอีกแง่มุมหนึ่ง ซึ่งหาชมไม่ได้ง่ายๆ

    ----------
    [​IMG]
    http://www.matichon.co.th/khaosod/v...ionid=TURNd013PT0=&day=TWpBd09DMHhNUzB4TWc9PQ==
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

แชร์หน้านี้

Loading...