อานุภาพของคาถามงกุฏพระพุทธเจ้า (จากประสบการณ์)

คาถานี้ผมใช้ประจำครับ เพราะที่เคยอ่านเจอในหนังสือ ร.5 เคยไปหาหลวงปู่เอี่ยมวัดหนัง(ถ้าจำไม่ผิด)แล้วท่านมอบคาถานี้ให้ ก่อนเสด็จประพาสยุโรป เมื่อเสด็จไปประพาสยุโรปถูกลองพระบารมี โดยให้พระองค์ทรงม้าพยศ พระองค์จึงใช้คาถานี้เสกหญ้าให้ม้ากินและสามารถทรงม้าตัวนั้นได้อย่างสบาย ทำให้ชาวฝรั่งเศสกริ่งเกรงในบารมีของพระองค์ เป็นที่มาของพระบรมรูปทรงม้าครับ

 

เป็นพระคาถาที่สืบทอดต่อ ๆ กันมาช้านานแล้ว..
...ทิดหนึ่งเองก็ใช้เป็นบทสวดมนต์รวมพระคาถาที่ร่ำเรียนมา
หลังจากสวดพระพุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณแล้ว ก็ต่อด้วยพระคาถานี้ด้วย
...และเมื่อประมาณปี 2535 ผมเอง(ตอนนั้นทำงานอยู่กรุงเทพ) ก็ลงทุน
โกนผม และไปสักยันต์ ลงบนกระหม่อม ที่วัดบางพระ โดยพระเดชพระคุณ
หลวงพ่อเปิ่น เป็นผู้ที่ลงให้...( เรียกว่า มหายันต์มงกุฏพระพุทธเจ้าหรือหมวกเหล็ก)
...ส่วนประสบการณ์ เป็นเรื่องจำเพาะบุคคลครับ แต่ยอมรับว่า เรื่องแคล้วคลาด
ปลอดภัย คงกระพัน เป็นที่เชื่อถือได้ (...แต่ต้องประพฤติอยู่ในธรรมนองคลองธรรม)
...ใช้สวดเมื่อเจริญสมาธิภาวนา ก็สามารถทำได้ เป็นอุบายให้จิตสงบได้ทางหนึ่ง
..นับว่าเป็นพระคาถาที่ครูบาอาจารย์หลาย ๆท่านนิยมใช้สวดเวลาปลุกเสกหรือเป่า
กระหม่อมอีกคาถาหนึ่ง
...เวลาคับขันหรืออยู่ในช่วงอันตราย สวดภาวนาเรื่อย ๆ จะมีสมาธิดีมาก ๆ ครับ
และประสบการณ์ โดยส่วนตัวนับว่ายอดเยี่ยมครับ ถือว่ารอดกระสุน รอดคมมีด
ปลอดภัยมาได้ จนถึงปัจจุบันนี้ นอกจากพระพุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ บิดรมาดาคุณ
อีกส่วนก็เป็นเพราะ จากยันต์นี้ที่สักที่กระหม่อมและหมั่นภาวนาอยู่เป็นประจำนี้แหละครับ
...ก็ลอง ๆ กันดูนะครับ เห็นว่าตั้งกระทู้นี้มา.. ก็โพสเท่าที่เคยมีประสบการณ์ครับผม

 

ครับ คาถานี้ผมก็สวดประจำเหมือนกันครับ เวลาเดินทางไปไหนมาไหนก็จะภาวนาคาถานี้ในใจครับ บางทีนึกได้ก็ภาวนา ไม่ว่าอยู่ที่ไหนก็ตามครับ ต่อไปว่าจะลองภาวนาเวลานั่งสมาธิมั่งครับ ขอบคุณทุกความเห็นนะครับ

 

เดี๋ยวต้องไปลอง อิอิ

 

พระคาถาบทนี้ใช้อัญเชิญ พระธาตุได้นะครับ

วิธีอัญเชิญโดยทั่วๆไปมีดังนี้

1. จัดที่บูชาให้สะอาด
2. ตั้งพานมะลิบูชา (ถ้ามี)
3. นำน้ำสะอาดใส่ขันสัมฤทธิ์ตั้งไว้หน้าที่บูชา (ตามวิธีโบราณ)
4. ชำระล้างร่างกายให้สะอาด
5. ทำจิตใจให้ปลอดโปร่ง มีสมาธิ
6. สมาทานศีล
7. ระลึกถึงพระพุทธคุณ (ตั้งนะโม 3 จบ แล้วสวดสรรเสริญพระพุทธคุณ อิติปิโสฯ)
8. สวดคาถาอัญเชิญพระธาตุ ดังนี้


" อัชชะตัคเค ปาณุเปตัง พุทธัง ธัมมัง สังฆัง สะระณังคะโต อัสสามิมะหันตา ภินนะมุคคา จะ มัชฌิมา ภินนะตัณฑุลา ขุททุกะ สาสะปะมัตตา เอวัง ธาตุโย สัพพัฏฐาเน อาคัจฉันตุ สีเสเม ปะตันเต "

หรือ

" อิติปิโส วิเสเสอิ อิเสเส พุทธะนาเมอิ อิเมนา พุทตังโสอิ อิโสตัง พุทธะปิติอิ "

* การเสด็จมาอาจมีด้วยกันหลายวิธี เช่น เสด็จมาเอง มีผู้มอบให้ แบ่งองค์ ฯลฯ

 

(b-uh) (b-uh)(b-uh)

 

พระคาถามงกุฏพระพุทธเจ้า หรืออิติปิโสเรือนเตี้ยนี้มีอานุภาพมาก เป็นพระคาถาในตำรับพิชัยสงคราม สำหรับแต่งทัพ โดยกำหนดจิตคุ้มเหล่าทหารด้วยพระคาถานี้ สายตาไปถึงไหนอานุภาพพระคาถาคุ้มครองถึงที่นั้นแล

เคยมีประสบการณ์คือไปพักที่รีสอร์หรูแห่งหนึ่งมีสปาและสนามกอล์ฟด้วย บอกใบ้แค่นี้ ไปพัก 3 หลัง พอตกกลางคืนรู้สึกมั่นทะแม่ง ๆ แปลก ๆ มองออกไปบ้านหลังที่อยู่ข้างหน้ามันชอบกล ๆ ไฟดับ ๆ ติด ๆ เลยกำหนดจิตสวดพระคาถาตามตำราพิชัยสงคราม กำหนดอาณาเขตขอบารมีพระและพระคาถาคุ้มครองเป็นมณฑล

ผลปรากฏว่าตอนเช้าเพื่อนมาเล่าว่าบ้านหลังที่เค้าพักมีคนมาเขย่าบ้าน เดินรอบบ้านทำนองนี้ทั้งคืน ขนหัวลุกมาก แต่บ้านเราพักหลับสบายไปเลย

 

ผมดูในหนังสือสวดมนต์ท่องทุกวันจะไม่ตกนรกอะครับ

 

สวดเป็นประจำค่ะเมื่อนึกได้
และสวดก่อนคาถาอื่น
และได้สวดพระคาถามงกุฎพระพุทธเจ้าแล้ว
จิตแจ่มใส สบายใจมากๆ
และจะสวดคู่กับคาถาป้องกันตัว
ฆะเฎสิ ฆะเฎสิ กิงการะณา ฆะเฎสิ อะหังปิ ตัง ชะนามิ ชะนามิ
( บทสวดนี้สามารถป้องกันตัวได้ทุกขณะ )

 

เป็นพระคาถาที่ท่องบ่อยครับ ภาวนาเล่นๆเวลาว่างๆเสมอเป็นอาจิน
ปรกติใช้สวดบูชาพระบรมธาตุครับ

เคยเจอปาฏิหารย์(หรือเรื่องบังเอิญก็ไม่ทราบ) คือเหตุการ
รถล้มครับ ขี่มอเตอร์ไซค์มาค่อนข้างเร็วมาก สองทุ่มกว่า
พอดีรีบกลับหอพักหลังมหาวิทยาลัย ถนนหลังมอขนาด2เลน มีซอยมากครับ มืดด้วย
จู่่ๆรถจักรยานโผล่มาปากซอยแล้วทะเล่อทะล่าขี่มาไม่ดู ผมเลยหักหลบ
ไม่ชนเขาแต่ตัวเองเสียศูนย์(เนื่องจากขี่เร็วมาก) รถแฉลบ ตัวผมกับรถครูดไปกะถนน ตอนลุกขึ้นมางี้คิดว่าตัวเองน่าจะได้แผลเลือดซึมเต็มแล้ว แต่ปรากกฏว่าไม่มีแผลครับ
แค่ด้านๆๆ ชา (เนื้อครูดกับพื้นถนนซีเมนต์ครับ) แต่รถสิครับ
กระจกงี้หมุน360องศาเลย แถมรถยังเป็นรอยเต็ม ถนนก็มีรอยรถล้มครับ
คิดว่าอาจจะเป็นเพราะอานุภาพพระคาถาครับ

 

ผมก็สวดครับ..

 

ขอโม้บ้าง ก่อนได้พระคาถานี้ฝันว่าพระพุทธเจ้าบอกให้เดินตามพระมงกุฏมา วันรุ่งขึ้นน้าก็ให้พระคาถานี้มาท่อง....ใช้เสกน้ำล้างหน้าทุกวันกันโรคภัยไข้เจ็บ.........อาราธนาพระเครื่องก็ท่องไปด้วย...........จะให้คงกระพันชาตรี เพิ่มต่อว่า.....ตะโจพระพุทธเจ้าจงมาเป็นหนัง..มังสังพระธรรมเจ้าจงมาเป็นเนื้อ....อัฏฐิพระสังฆเจ้าจงมาเป็นกระดูก...ตรีเพชฌคง ๆ อิสวาสุ.. สุสวาอิ..พุทธปิติอิ.... ขณะว่าคาถาก็ใช้นิ้วแม่มือทั้งสองจรดที่หน้าผาก ลากไปด้านหลังท้ายทอย ไป-กลับจนสุดที่หน้าผากพอดี เป็นคงกระพันชาตรีภาวนา ๗ จบเป็นมหาจังงัง... ๘ จบจำไม่ได้....๙ จบ เป็นมหาละลวย เสกสิ่งของให้ คน สัตว์กิน รักเราแล ....๑๘ จบอธิษฐานได้ตามใจปรารถนา เสกเครื่องหอมเป็นเสน่ห์เมตตามหานิยม บทนี้บทเดียวใช้ได้ทุกอย่างเดินทางกลางป่า หรือที่บ้าน ภาวนาเป็นทักษิณาวัตร กำหนดจิตพร้อมไปด้วย ป้องกันภัยได้สารพัด ภาวนานั่งสมาธิได้ถึงฌาณ ลพ.ฤาษีลิงดำ ท่านบอก

 

ของผมมีประสบการณ์กับพระคาถานี้คือเวลาทำกรรมฐานแล้วต้องการจะแผ่เมตตากุศลไปให้กว้างที่สุดนั้น เดิมก่อนนี้ผมทำได้ไม่คล่องเลย

แต่พอสวดพระคาถามงกุฏพระพุทธเจ้า 9จบ โดยอาราธนาพุทธนิมิตรพระพุทธเจ้า 9 พระองค์มาประดิษฐานที่ 8 ทิศรอบมงกุฏศีรษะ และองค์สุดท้ายคือสมเด็จองค์ปฐมฯอาราธนามาประดิษฐานที่ตำแหน่งยอดมงกุฏ แล้วขอบารมีพระท่านช่วยแผ่พลังเมตตากุศลไปทั่วจักรวาล ความรู้สึกของจิตคือพลังบุญแผ่ไปได้ทั่วทั้งจักรวาล 3 โลกธาตุและหนึ่งพระนิพพานเลยครับ

 

อนุโมทนาคับ ... ผมจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเริ่มท่องพระคาถานี้มาตั้งแต่เมื่อไหร่ นานมากแล้วอ่ะคับ... แต่ผมก็ไม่เคยประสบอุบัติเหตุร้ายแรงเลย.. แล้วก็เวลาไปไหนมาไหน เกิดอะไรขึ้นเช่น จิตตก ผีอำ ผมก็นึกท่องในใจคับ ยึดพระคาถานี้ไว้ก่อน อยู่ร่มเย็นมาจนบัดนี้คับ

 

เป็นคาถาที่เรารักมาก...ใช้สวดเป็นประจำตลอด....ข้างหลังเราก็จะสักยันต์เป็นของคาถาตัวนี้..สวยมาก...

 

ตั้งแต่นี้ไป ขอนำไปใช้บ้าง^^"

 

พระคาถามงกุฏพระพุทธเจ้าุ พบครั้งแรกก็คงประมาณปี 2546 ในหนังสือสวดมนต์ เป็นคาถาสั้น ๆ จำง่าย เลยสวดมาตลอดเหมือนกันค่ะ
มีอยู่ครั้งหนึ่งรู้สึกหดหู่ใจอย่างบอกไม่ถูก เข้าไปสวดมนต์ในห้อง น้ำตามันก็ไหลรินไม่หยุดแต่ก็สวดจนจบ (หลายคาถาเหมือนกันค่ะ ประมาณ 1 ช.ม ในการสวด) สวดจบก็นอนหลับไปทั้งน้ำตาตรงหน้าหิ้งพระ มารู้สึกตัวอีกทีเหมือนมีคนมาลูบหัวเป็นมือที่อ่อนโยนเหลือเกิน แต่เมื่อลืมตามากับไม่มีใคร แต่ยังจำมืออันอ่อนโยนนั้นได้จนทุกวันนี้

 

####อาจารย์คุณพระของผมท่านบอกว่าเป็นคาถาอธิษฐานใช้หน่ะครับ ใช้ทำอะไรได้หมดทุกอย่าง เพราะเป็นของพระพุทธเจ้า...

 

อิติปิโส วิเสเสอิ
อิเสเส พุทธะนาเมอิ
อิเมนา พุทธะตังโสอิ
อิโสตัง พุทธะปิติอิ

สาธุ

 

หลวงปู่จันทา ถาวโร วัดป่าเขาน้อย อ.วังทรายพูน จ.พิจิตร

อิติปิโสวิเสเสอิ อิเสเสพุทธะนาเมอิ

อิเมนาพุทธะตังโสอิ อิโสตังพุทธะปิติอิ
ตะโจ พระพุทธเจ้า ขอจงมาเป็นหนัง
มังสัง พระธรรมเจ้า ขอจงมาเป็นเนื้อ
อัฏฐิ พระสังฆเจ้า ขอจงมาเป็นกระดูก
ตะริเพชรคงคง อิสวาหะ สวาสุสวาอิ พุทธะปิติอิ
นะมะอะอุมิ นะมะพะทะ นะโมพุทธายะ
พุทโธกั้น ธัมโมบัง สังโฆปิด​

อิติปิโสภะคะวา พระเจ้าสั่งมา
ภะคะวายันติ โมคคัลลายันติ​

พุทธังอึดอัด ธัมมังอึดอัด สังฆังอึดอัด
มัดกึดอึดอัด มัดกั้นตันปิด​

ภาวนาประจำทุกๆวัน อบายไม่ได้ไป ไฟนรกไม่ได้ไหม้ ดับขันธ์แล้วมีสุคติโลกสวรรค์เป็นที่ไป ตราบเท่าเข้าพระนิพพาน​

***หลวงปู่จันทา ถาวโร วัดป่าเขาน้อย อ.วังทรายพูน จ.พิจิตร​