จะทำยังงัยดีคะ

ในห้อง 'ทุกข์และปัญหาชีวิต' ตั้งกระทู้โดย ออมแอมป์, 25 มิถุนายน 2012.

  1. ออมแอมป์

    ออมแอมป์ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    19
    ค่าพลัง:
    +49
    ตอนนี้มีปัญหากับสามีที่แต่งกันมา 14 ปีแล้ว ปัญหาไม่ได้เกิดจากตัวเราแต่เพราะเค้าไม่ชอบญาติฝ่ายเรา ไม่ชอบการกินข้าวนอกบ้าน การไปเที่ยวกับพี่น้องเราสั่งห้ามตลอด ถ้าเมื่อไรไปก้อมีปัญหาทุกที แต่มาหลังๆๆพี่น้องทางเราก้อรู้ไม่มาชวนแต่ซื้อของมาฝากแทน หากรับมาก้อมีปัญหาอีก หากทางพี่น้องเค้าเอ่ยปากชวนให้ไปกับบ้านเค้า ต้องไปห้ามปฎิเสธ หากปฏิเสธมีปัญหาอีก....แล้วมาถึงทุกวันนี้เกือบ 2 อาทิตย์ เห็นหน้าเราเป็นต้องด่าว่า ใช้คำแรงๆๆ ขึ้นกู มึง ซึ่งเราเองก้อได้แต่เงียบ เดินจากไปนั่งร้องไห้แทน...เพราะพ่อเราสอนไว้ว่าอย่าทะเลาะกันมันอายคนอื่นเค้า...เราจึงได้แต่เก็บๆๆๆเก็บมา 14 ปีแล้วไม่รู้จะทนไหวหรือป่าว....
    มีปัญหาเค้าก้อไปเราให้ที่บ้านเค้าฟังว่าเราเป็นสะใภ้ที่ไม่ดูแล ญาติพี่น้องเค้า
    ต่อไปไม่ต้องไปบ้านเค้า แฟนเราว่าอย่างนี้..... หากเป็นคุณที่อ่านอยู่แล้วมีทางออกช่วยตอบด้วยค่ะ ... ขอบคุณมาก เพราะไม่รู้จะไประบายกับใครกลัวว่าเดี๋ยวญาติ ทางเรา หรือ แม่รู้แล้วไม่สบายใจ จึงได้แต่อัดอั้นอยู่เกือบ 2 อาทิตย์แล้ว เครียดมากเลยค่ะ...
     
  2. แจ๊กซ์69

    แจ๊กซ์69 ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    3,142
    ค่าพลัง:
    +1,962
    เรื่องของสามีภรรยาพระพุทธเจ้าบอกว่า ต้องมีสมชีวิธรรม มีธรรมเสมอกัน คือ สมศรัทธา มีศรัทธาเสมอกัน สมสีลา มีศีลเสมอกัน สมจาคา มีทาน การให้เสมอกัน สมปัญญา ต้องมีปัญญาเสมอกัน ไม่เช่นนั้นอยู่กันยาก คนหนึ่งทำทาน คนหนึ่งไม่ยินดีด้วย ก็พัง

    หาเวลาเหมาะแล้วกับแฟนตรงๆ ยกตัวอย่างการกระทำให้เค้าดูเช่น การกระทำที่ไม่ดีกับผู้อื่นบ่อยๆเมื่อถึงจุดอิ่มตัว ผู้นั้นย่อมทนไม่ไหว ประมาณนี้และต้องหาตัวอย่างที่เป็นรูปประธรรมให้เค้าเข้าใจให้ได้ครับ และถ้ายังเป็นแบบนี้ไม่เปลี่ยนการกระทำก็พูดถึงจุดจบให้เค้าเห็นครับ
     
  3. bluebaby2

    bluebaby2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2010
    โพสต์:
    2,471
    ค่าพลัง:
    +4,288
    ก้าวข้ามไปให้ได้ครับ ชีวิตของคนเราบางทีก็เกิดมาเพื่อก้าวข้ามอุปสรรคในชีวิต
    ของเราไปให้ได้ ในช่วงชีวิตของคนเราช่วงเวลาที่ดูเหมือนจะเป็นวิกฤตนั่นแหละ
    คือช่วงเวลาที่สำคัญที่สุด เราจะสอบผ่านแล้วก้ามข้ามมันไปตลอดหรือจะสบตก
    ซ้ำแล้วซ้ำเล่าขึ้นอยู่กับเรา อย่างแรกต้องรู้ว่ามันเป็นกรรมของเรา เพราะเมื่อเรา
    เริ่มที่จะรับผิดชอบผลของกรรม ไม่โทษโชคชะตาเราถึงจะเปลี่ยนกรรมที่เราต้อง
    การได้ และการเปลี่ยนกรรมที่เราไม่ต้องการก็โดยการให้ความรู้สึกที่ดีที่สุดกับ
    สถานการณ์ที่เกิดกับเรา แผ่เมตตาให้กับตัวเองและคนรอบตัวของเรา เมื่อทำ
    บุญเราก็อุทิศบุญให้กับทุกคนที่ทำให้เราทุกข์ และคนที่เรารัก ถ้าทำจิตให้
    ผ่องใสได้ตลอดกรรมมันจะเบาบางลง
     
  4. KBLS

    KBLS เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    300
    ค่าพลัง:
    +280
    ปัญหาที่เก็บๆไว้มันจะสะสมและเป็นตัวถ่วงหรือขัดขวางการกระทำที่จะส่งเสริมความพึงพอใจให้แก่กันได้
    ลองเปลี่ยนความคิดหรือทบทวนเสียใหม่ คิดเสียว่าเป็นการทำเพื่อตัวเองก็ได้ ถ้าคุณสามารถจะทำอะไรให้เขามีความสุขมีความพึงพอใจมากๆ สักหนึ่งถึงสองข้อ คุณจะมีแต้มต่อเหนือเขาทันที โดยที่คุณไม่ต้องยอมทนเหมือนที่ผ่านมา
    ไม่ยากหรอก แต่ต้องลงทุนลงแรงมากขึ้น

    แต่ถ้าไม่สำเร็จหรือไม่อยากทน ก็ต้องถามตัวเองว่าจะทนไปเพื่อะไร
     
  5. ทะเล้น

    ทะเล้น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    69
    ค่าพลัง:
    +208
    พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า

    "ดูกรภิกษุทั้งหลาย ! จิตใจที่ไม่หวั่นไหวด้วยโลกธรรมคือ นินทาสรรเสริญนั้น เป็นจิตใจที่ประเสริฐยิ่ง ภิกษุทั้งหลาย ! ในหมู่มนุษย์นี้ผู้ใด ฝึกตนให้เป็นคนอดทนต่อคำล่วงเกินของผู้อื่นได้ จัดว่าเป็นผู้ประเสริฐสุด ม้าอัสไนย ม้าสินทบ พญาช้าง ตระกูลมหาราชที่ได้รับการฝึกดีแล้ว จัดเป็นสัตว์ที่ประเสริฐ แต่บุคคลที่ฝึกตนดีแล้วยังประเสริฐยิ่งกว่าสัตว์เหล่านั้น"

    "ดูกรภิกษุทั้งหลาย ! ผู้อดทนต่อคำกล่าวล่วงเกินของผู้สูงกว่า ก็เพราะความกลัว อดทนต่อคำล่วงเกินของผู้เสมอกันเพราะเห็นว่าพอสู้กันได้ แต่ผู้ใดอดทนต่อคำล่วงเกินของผู้ซึ่งด้อยกว่าตนได้ เราเรียกความอดทนนั้นว่าสูงสุด ผู้มีความอดทนมีเมตตา ย่อมเป็นผู้มีลาภ มียศอยู่เป็นสุข เป็นที่รักของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย เปิดประตูแห่งความสุขความสงบได้โดยง่าย สามารถปิดมูลเหตุแห่งการทะเลาะวิวาทเสียได้ คุณธรรมทั้งมวล มีศีลและสมาธิเป็นต้น ย่อมเจริญงอกงามแก่ผู้มีความอดทนทั้งสิ้น ภิกษุทั้งหลาย ! เมตตากรุณาเป็นพรอันประเสริฐในตัวมนุษย์"

    - ตามพุทธวจนะข้างต้นได้บ่งบอกถึง.. การที่ใจเรามีความเคารพนอบน้อม ให้เกียรติ มีความเพียรไม่เกียจคล้าน มีจิตใจเมตตาปรานี มีจิตกรุณา มีทาน มีมุทิตา มีความอดทนถึงแก่มีใจกลางๆวางเฉยต่อบุคคลและสิ่งเหล่านั้น รู้จักกาลที่จะกระทำและพูดกล่าว
    - กล่าวโดยย่อคือ คุณและสามีต้องเจริญปฏิบัติใน ทาน พรหมวิหาร๔ คิดดี-พูดดี-ทำดี 3 ข้อง่ายๆ เข้าใจง่ายปฏิบัติได้ทุกกาล แต่ต้องใช้ความเพียรพยายามในการปฏิบัติอย่างมาก

    - ที่ผมยกพุทธวจนะนี้ขึ้นมาให้ดูนั้นเพราะว่า...ทุกครอบครัวในปัญหาที่บอกว่ารับญาติฝ่ายนั้นฝ่ายนี้ไม่ได้ ไม่พอใจอย่างนั้นอย่างนี้ก็เพราะว่าความมถือตนเองเป็นที่สุด อยากจะให้คนอื่นมาเอาใจใส่ตนมากกว่าตนจะยอมนอบน้อมให้เขา รวมไปถึงการพูดจาและการกระทำของแต่ละฝ่ายที่ไม่ถูกกาลอันควร ฝั่งอีกฝ่ายก็ตั้งแง่ความไม่พอใจยินดีก็โกรธเป็นความโกรธแค้นไม่พอใจ เกิดความขัดข้อง-ขุ่นเคืองใจ เมื่อแต่ละฝ่าย(รวมไปถึงแฟนคุณ ตัวคุณ ญาติคุณ ญาตแฟนคุณ)ไม่รู้จักที่จะมี ทาน เมตตาทาน อภัยทาน พรหมวิหาร๔ ขันติ คิดดี-พูดดี-ทำดี ปัญหาของชีวิตครอบครัวชองคุณจึงเกิดขึ้นแบบนี้ไม่รู้จบ แต่ปัญหาใดๆก็ตามแต่มันขึ้นอยู่กับคน 2 คน นั่นคือคุณและสามี เกิดมันเกิดที่ตัวคุณทั้ง 2 จบ ก็จบที่ตัวคุณทั้ง 2 ญาติพี่น้องเป็นแค่ส่วนประกอบที่รับผลมา หากญาติพี่น้องวุ่นวายครอบครัวพวกคุณมากไป แต่คุณสองคนหนักแน่นเข้าใจกันมันก็ไม่เกิดปัญหา หากญาติพี่น้องคุณทั้ง 2 ฝ่ายเป็นคนดีเข้าใจแต่เมื่อคุณทั้ง 2 คนสร้างเรื่องราวแล้วไม่จบที่การปรับความเข้าใจกันแต่ไปโพนทนาบอกป่าวประกาศไปทั่ว ปัญหามันก็กว้างขึ้นไม่มีทางจบลงได้อย่างที่เป็นอยู่ตอนนี้ ดังนั้นเมื่อเรื่องมันเกิดที่คน 2 คน ก็ควรจบที่คน 2 คน ไม่ใช่ใครอื่น

    - เมื่อคุณและสามีเจริญใน ทาน และ พรหมวิหาร๔ ได้ คุณและสามีก็จะมีขันติและอุเบกขาเกิดขึ้นแก่จิตขึ้นเองทันทีโดยอัตโนมัติ
    - คิดดี พูดดี ทำดี นี้จะเกิดขึ้นประกอบการมีสติระลึกรู้ เกิดสมาธิ มีสัมปชัญญะเกื้อหนุนสติ มีความคิดแยกแยะถูกผิด-ดีชั่ว ผลได้-ผลเสีย ประโยชน์และความเสียหาย ก่อนที่เรานั้นจะลงมือกระทำการใดๆลงไปตามแต่ใจด้วยอารมณ์ที่พอใจยินดีและไม่พอใจยินดี
    - เห็นมั้ยครับแค่ ทาน พรหมวิหาร๔ คิดดี พูดดี ทำดี ก็ทำให้คุณและสามีปฏิบัติธรรมอันเป็นกุศลได้เป็นอันมากเลยใช่มั้ยครับ ทำได้มากเท่าใดความสงบ อบอุ่น สุขกาย สบายใจ ปิติผ่องใสของคุณและสามีก็ยิ่งมีมากเท่านั้น ความกินแหนงแคลงใจกันก็จะลดลงจนหายไป
    - การแก้ไขทั้งหลายของคุณและสามี ต้องอยู่ที่การเปิดใจรับฟังแลกเปลี่ยนของทั้ง 2 ฝ่าย คือ คุณและสามี เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ความพอใจยินดีต้องการหรือความไม่พอใจยินดีขัดเคืองใจแก่กันและกัน แล้วมีสิ่งไหนควรที่จะลดละ - เพิ่มเติมส่วนที่ขาดไปให้แก่กันได้บ้าง เพื่อลบปัญหาระหว่างทั้ง 2 คนออกไป ลองรอเวลาที่สามีคุณอารมณ์ดีๆพอจะคุณกันได้ลองปรึกษาและตกลงกับเขาเช่นนี้ดูครับต้องเป็นประโยชน์แน่นอนครับ

    --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

    ลองอ่านปัญหาของน้องคนนี้ดูครับ บางทีอาจจะเป็นประโยชน์แก่คุณไม่มากก็น้อยครับ
    http://www.carefor.org/component/option,com_mamboboard/func,view/catid,2/id,11628

    ระลึกถึงพุทธวจนะขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ตรัสไว้ดีแล้วที่ผมโสท์ให้อ่านตอนต้นของกระทู้ แล้วเจริญปฏิบัติใน ทาน พรหมวิหาร๔ คิดดี-พูดดี-ทำดี เป้นประจำอยู่เนืองๆ ความทุกข์ของคุณจะลดลงได้อย่างแน่นอนครับผมรับประกัน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 26 มิถุนายน 2012
  6. ออมแอมป์

    ออมแอมป์ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    19
    ค่าพลัง:
    +49
    จะทำยังงัยดีต่อค่ะ

    ขอบคุณทุกความเห็นนะคะที่เข้ามาช่วยให้คำแนะนำ.....
    หากดิฉันอยากจะบอกทุกคนว่าสามีดิฉันเป็นคนชอบปฎิบัติธรรม เดินจงกรม และญาติทางเราทั้งสองฝ่าย ก้อดีต่อกันมาก หากแต่ทุกวันนี้เรามาอยู่ที่บ้านฝ่ายญ.
    โดยมี บ้านพี่สาวกับหลานอยู่ข้างๆ ในรั้วเดียวกัน หากแต่พี่สาวเรา กับแฟนเราไม่ชอบขี้หน้ากัน แฟนเราจึงสั่งห้ามไม่ให้เราไปไหนมาไหนกับพี่/น้องเรา ซึ่งความเป็นจริงมันไม่สมควร เป็นอย่างนี้ อีกทั้งเมื่อเวลาไปบ้านแม่ฝ่าย ช. มักจะเล่าเรื่องเกียวกับบ้านทางพี่สาวเราให้แม่เค้าฟัง และเมื่อนั้นแม่เค้าก้อจะมาพูดกับ ญ.ว่า
    ทำไมเราไม่ดูแลแฟนเราล่ะ เราอย่าไปบ้านพี่สาวซิ อยู่บ้านเราซิ หากเมื่อดิฉันถูกแฟนดุว่าแรงๆๆ ดิฉันก้อบอกแม่เค้า เชื่อหรือไม่ค่ะว่าแม่เค้าจะตอบว่า ...ลูกคนเราจะเอาชนะกันไปทำไมไม่ได้โล่ห์หรอก แต่แม่ไม่ได้บอกที่แฟนนะคะ แต่บอกสะใภ้ให้อดทน ให้ยอม ซึ่งจริงๆๆ ดิฉันไม่เคยโวยวายอะไรเลย มีแต่สามีที่โกรธอยู่ฝ่ายเดียว..เดี๋ยวไม่พอใจ เดี๋ยวไม่พูดด้วย....จนทุกวันนี้ดิฉันก้อเบื่อไม่รู้ว่าจะทำงานไปทำไม....ทำงานมีเงินเดือนดีมาก แต่ทำแล้วไม่ได้ใช้ หากใช้จ่ายมากหน่อยก้อจะบ่นว่า จนทำให้ดิฉันเบื่อหน่ายอีกทั้งปัญหาที่ทำงานด้วย
    จึงตัดสินลาออกมาอยู่บ้านเฉยๆๆ ถึงเวลาเช้า เย็น ก้อสวดมนต์ 30 นาที แผ่เมตตาอุทิศให้ทุกๆๆคน ญาติพี่น้องพ่อแม่ ...ก้อได้แต่หวังว่าสิ่งที่ทำนี้จะส่งผลบุญให้ชีวิตดิฉันดีขึ้นไม่มีปัญหาใดๆๆ.........ขอบคุณอีกครั้งสำหรับทุกคำแนะนำและผู้ที่เข้ามาอ่านค่ะ:'(
     
  7. แจ๊กซ์69

    แจ๊กซ์69 ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    3,142
    ค่าพลัง:
    +1,962
    ถ้าสวดต์ อาเจ๊ก็ต้องสวดบทมหาอำนาจ อ่ะครับ จะเริ่มทำให้เรามีอำนาจเพิ่มขึ้น ตอนนี้สิ่งที่เสริมตัว เจ๊ได้ คือ อำนาจยำเกรง ต่อคนในบ้าน ไม่กล้าหือกับเรา มีสองอย่าง คือพกเครื่องเกี่ยว มหาอำนาจ ประเภทพระนายณ์ทรงครุฑฯ เสือ สิงห์ ครับ หรืออีกอย่างนึง คือสวดมนต์บทมหาอำนาจครับ
     
  8. bluebaby2

    bluebaby2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2010
    โพสต์:
    2,471
    ค่าพลัง:
    +4,288
    เราสามารถเปลี่ยนเหตุการณ์ในชีวิตให้เป็นแบบที่เราเลือกได้ แต่มันต้องค่อย
    เป็นค่อยไป ยิ่งเรามีความโกรธมากเท่าไหร่ เราก็ยิ่งเปลี่ยนเหตุการณ์ที่เกิดกับ
    เราได้น้อย มันต้องเริ่มจากก้าวแรกคือการมองให้เห็นว่ามันเป็นกรรมของเราก่อน
    พอเห็นจริงๆ ว่ามันเป็นกรรมของเรามันก็ไม่ยากที่จะเปลี่ยนมัน เมื่อเรารู้ว่ามัน
    ทำงานอย่างไรเราถึงจะใช้มันเป็นเครื่องมือได้ ต้องผ่านขั้นแรกให้ได้ก่อนคือขั้น
    การยอมรับทุกเหตุการณ์ในชีวิตของเราให้ได้ ยอมรับว่าเราเป็นผู้สร้างมันขึ้นมา
    ถ้ายังข้ามขั้นนี้ไม่ได้ก็เปลี่ยนอะไรไม่ได้เลย
     
  9. KBLS

    KBLS เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    300
    ค่าพลัง:
    +280
    คุณ bluebaby2
    ถ้าเรายอมรับทุกเหตุการณ์ในชีวิตว่าเราเป็นผู้สร้างมันขึ้นมา เราคงจะไม่โกรธใครอีกต่อไป แล้วก็หยุดสร้างกรรมด้วย น่าจะดีเหมือนกัน
     
  10. bluebaby2

    bluebaby2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2010
    โพสต์:
    2,471
    ค่าพลัง:
    +4,288
    ครับ มันเป็นจุดเริ่มต้นของการใช้ชีวิตอย่างตื่นรู้ เราจะเห็นคนรอบข้าง
    เราว่าเราสร้างเขาขึ้นมาจากความปรารถนาของเรา และคนรอบข้าง
    เราก็สร้างเราขึ้นมาจากความปรารถนาของเขา คนรอบตัวเราแต่ละคน
    เปรียบเหมือนจิ๊กซอ 1 ชิ้น ของภาพที่เราปรารถนาที่จะเห็น และเราก็
    เปรียบเหมือนจิ๊กซอ 1 ชิ้นของภาพใหญ่ที่คนอื่นปรารถนาที่จะเห็น ใน
    ตัวเรายังมีสิ่งที่คนอื่นรอบตัวเรากำลังมองหาอยู่ และในตัวของคนรอบ
    ตัวเราก็มีบางสิ่งที่เรากำลังหาอยู่ เพียงแต่เราเฝ้ารอด้วยใจสงบเตรียม
    ตัวเองให้พร้อมวันหนึ่งเมื่อเรามองย้อนกลับไปแล้วเห็นภาพใหญ่เรา
    จะรู้ว่าถ้าไม่มีจิ๊กซอชิ้นเล็กๆ เหล่านั้นจะไม่มีภาพที่เราเห็นในวันนี้ เมื่อ
    นั้นโลกทัศน์ของเราพลิกกลับ เราจะมองทุกคนและทุกสิ่งด้วยความ
    รู้สึกขอบคุณ ดังนั้นเมื่อเราเห็นในสิ่งที่เป็นปัญหาอย่าพึ่งตัดสินมันจน
    กว่าคุณจะได้เห็นภาพรวมทั้งหมด เตรียมตัวเองให้พร้อมสำหรับวันนั้น
    เริ่มจากการขอบคุณทุกคนและทุกสิ่ง เพราะความตื่นรู้ในตัวคุณบอกว่า
    สิ่งเหล่านี้จะนำมาซึ่งสิ่งที่เราต้องการ
     
  11. ddman

    ddman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    2,046
    ค่าพลัง:
    +11,941

    หากปฏิบัติธรรมตามคำสอนในพระพุทธศาสนาแล้ว สามีก็คงไม่มีพฤติกรรมในการเบียดเบียนตน และภรรยาดังที่ท่านจขกทบรรยายมาแน่ คนจำนวนมากเอาแต่ปฏิบัติธรรมโดยไม่ทราบเหตุผลที่มาที่ไป ไม่ทราบว่าการปฏิบัติธรรมคืออะไร มีวัตถุประสงค์เพื่ออะไร จึงปรากฏว่า ชนเหล่านี้มีพฤติกรรมที่แสดงให้ปรากฏว่า ไม่สามารถแยกแยะได้ว่าอะไรเป็นบุญหรือบาป ทำแล้วจะได้ผลดีหรือเสียตามมา กลายเป็นไม่รู้จักบุญบาปไปเสีย มีแต่มานะเท่านั้นที่กล้าแข็งขึ้น เมื่อเป็นเช่นนี้ ก็น่าสงสัยว่าเขาปฏิบัติธรรมในลัทธิใด ?? ผู้ปฏิบัติธรรมที่แท้ น่าจะเป็นท่านจขกท ที่มีความอดทนอดกลั้น(ขันติ) อย่างยิ่ง ไม่ล่วงผรุสวาจากล่าวตอบ นับว่าเป็นผู้เจริญในธรรมอย่างยิ่ง ขอชื่นชมครับ..

    ผู้ที่ปฏิบัติธรรมจริงนั้น จะเป็นผู้ประพฤติศีล มีใจเมตตากรุณา ไม่มีจิตผูกโกรธใคร ไม่เบียดเบียนใครๆทั้งด้วยกายและวาจา..นี้เป็นลักษณะทั่วๆไปที่จะสังเกตุได้ในบรรดาผู้ปฏิบัติธรรม..

    เข้าใจว่าสามีคงมีฐานะดี ท่านจขกทจึงสามารถลาออกจากงานมาอยู่บ้านเฉยๆได้ และอาจเป็นเหตุผลนี้ ที่สามีจึงแสดงพฤติกรรมเป็นผู้บังคับบัญชาเอาตามอำนาจความชอบใจของตน ...และจากที่เล่ามา ท่านจขกท ก็แสดงตนเป็นผู้ยินยอมและอดทนมาแต่ต้น ดังนั้น การที่พูดคุยกันด้วยเหตุผล คงทำได้ไม่ง่ายเลย เรื่องนี้ ที่สุด แล้ว ขึ้นอยู่กับท่านจขกทว่าจะเลือกอดทน เพื่อรักษาครอบครัวหรือจะเลือกที่จะกล้าหาทางออกให้ตนเองได้มีโอกาสพบปะพี่น้องบ้าง ท่านจขกท พิจารณาดูว่า ในยามที่คับขันหรือจำเป็น ใครที่ท่านจขกท ไว้ใจและสามารถได้ที่พึ่งจากเขาได้ --พี่น้องหรือสามี--เรื่องนี้จะกลายเป็นเรื่องสำคัญอย่างคาดไม่ถึงในภายหน้า

    ..ขอให้พบทางออกที่เหมาะสมครับ
    ..
     
  12. ออมแอมป์

    ออมแอมป์ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    19
    ค่าพลัง:
    +49
    ขอบคุณในคำแนะนำของคุณ ddman ดิฉันไม่รู้จะบอกว่ายังไงดีเพราะคิดเหมือนกันว่า ถ้าผู้นั้นปฏิบัติตนอยู่ในธรรมะ เดินจงกรม รู้สึกตัวอยู่ตลอด แต่เมื่อเวลาที่มีอะไรมากระทบจิตใจหรือไม่สบายใจแล้ว หรือความคิดเห็นไม่ลงรอยกัน
    ทำไมฝ่าย ญ. จึงต้องเป็นคนผิดอยู่ฝ่ายเดียว ซึ่งในความเป็นจริง ครอบครัวของเรา 2 คนมาจาก ช.เป็นคนจีน ญ.เป็นครอบครัวคนไทย หากแต่ครอบครัวดิฉันสอนให้เรารู้จักทำมาหากิน หยิ่งในศักดิ์ศรี และ เคารพบุคคลอื่น แต่สิ่งที่ดิฉันได้รับตอบกลับมา มันไม่ใช่เช่นนั้นเลย ดิฉันทำงานมาตลอด 20 ปี เงินเก็บพอมีและหาทำรายได้เสริม เพราะฉะนั้นดิฉันจึงลาออกมาไม่อยากทำงานต่อไป หากแต่ทางครอบครัวสามี ซื้อบ้านให้เราทำเป็นบ้านเช่า ซึ่งก้อมีรายได้พออยู่ พอใช้
    ดิฉันเบื่อกับการที่แม่ หรือ พี่สาวทางสามี มายุ่งกับเรา 2 คน ปัญหาต่างๆจึงเกิดขึ้น ก็ต้องขอบคุณในคำแนะนำ ของทุกท่านที่มาอ่านและตอบในกู้เป็นอย่างยิ่งค่ะ
    เพราะดิฉันรู้สึกสบายใจขึ้นมากที่ได้ระบายความรู้สึกออกมา และก้อจะหมั่นสวดมนต์แผ่เมตตาให้เค้าเหล่านั้นต่อไป เพื่อครอบครัวเราจะได้ดำเนินต่อไป
     
  13. ทะเล้น

    ทะเล้น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    69
    ค่าพลัง:
    +208

    - วิธีแก้ไขผมได้ตอบไปในกระทู้ตอบกลับที่ 5 แล้วครับ สาเหตุมันเป็นเช่นนั้นจริงไหมไตร่ตรองดูครับ

    1. ไม่มีความอดทนต่อคำติฉินนินทา
    2. ไม่ให้เกียรติคนอื่น ไม่มีความอดทนยอมให้ผู้อื่น ไม่รู้จักการให้อภัย
    3. ไม่มีทาน ไม่มีพรหมวิหาร๔ จึงเข้าไม่ถึงอภัยทาน ไม่คิดดี-ไม่พูดดี-ไม่ทำดี

    - เพราะ 3 ข้อนี้ใช่ไหมคือปัญหาของคุณที่เป็นอยู่ ลองคิดทบทวนถามใจคุณดูสาเหตุมันมาจากความพอใจยินดีและไม่พอใจยินดีของ 3 ข้อนี้ใช่ไหม หากใช่ก็ควรทำในข้อที่ 3 ให้แจ้ง

    - หากคุณและแฟนเป็นคนปฏิบัติธรรมจริงๆ ไม่ใช่แค่สวดมนต์แล้วนั่งหลับตาท่องบริกรรม พุทธ-โธ เฉยๆ ย่อมรู้ว่าควรปฏิบัติเพื่อกระทำให้ได้ตามพุทธวจนะที่พระตถาคตตรัสสอนนั้น (ที่ผมยกให้ใช้พิจารณาในกระทู้ตอบกลับที่ 5)
    - หากไม่เข้าถึง ศีล พรหมวิหาร๔ ทาน จะไม่มีทางเข้าถึง "อภัยทาน" ได้ เมื่อไม่มีใน ศีล พรหมวิหาร๔ ทาน กุศลจิตก็ไม่เกิด ไม่สามารถ คิดดี พูดดี ทำดี ได้ แต่หากเมื่อคุณ คิดดี พูดดี ทำดีได้ สมาธิคุณก็จะก่อเกิดเป็นกุศลจิต กุศลกรรม มีปัญญา แล้วปฏิบัติใน ศีล พรหมวิหาร๔ ทาน ได้โดยง่าย
    - จะเห็นว่าทางออกมันเป็น วัฏจักร อยู่อย่างนี้ ดังนั้นควรทำให้แจ้งเพื่อลดละความไม่พอใจยินดีนั้นๆ หากทำไม่ได้คุณก็จะทุกข์อยู่อย่างนี้ไม่รู้จบ

    ลองอ่านวิถีเข้าอุเบกขาจิตนี้เพิ่มเติมดูครับอาจจะเป้นประโยชน์แก่คุณก็ได้

    วิธีการเข้าถึงอุเบกขาจิต

    ขอให้ตั้งใจให้มั่นแล้วลองปฏิบัติดูครับรับรองชีวิตคุณจะดีขึ้นกว่าที่เป็นอยู่นี้

    สุดท้ายนี้ ด้วยอำนาจแห่งพระพุทธเจ้า พระธรรม และ พระสงฆ์อริยะเจ้า บุญใดผมได้ปฏิบัติกัมมัฏฐานมาแล้ว บุญใดที่ผมได้เผยแพร่พระพุทธศาสนามาแล้ว บุญใดที่เผยแพร่หนทางธรรมในพระพุทธศาสนาเพื่อให้คนอื่นรู้และเห็นทางออกของทุกข์ตาม ขอบุญนั้นส่งผลให้คุณและครอบครัวมีความสุข ความเจริญ ญาติสนิทมิตรสหายเคารพรักใคร่ ความขุ่นข้องขัดเคืองใจใดๆที่มีต่อกันขอให้มันสูญหายไปเสียแต่วินาทีนี้ ให้ต่างฝ่ายมีความเคารพ เมตตาทานแก่กันและกัน ให้ความทุกข์ของคุณและครอบครัวจนสิ้นไปเทอญ สาธ สาธุ สาธุ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 28 มิถุนายน 2012

แชร์หน้านี้

Loading...