ท่ากำสองมือแนบหน้าอก ของหลวงพ่อโตมีความหมายว่าอย่างไรครับ

ท่าปริศนาธรรมของหลวงพ่อโต ท่านี้ใครรู้บ้างครับว่ามีความหมายว่าอย่างไร

เคยได้ยินว่า หมายความว่า 2 กำ นี้คือกรรมดี กรรมชั่ว ไม่รู้จริงหรือป่าว ใครรู้ช่วยบอกทีครับ

 

เคยได้ยินมาว่าเป็นการสอนธรรม ว่า กรรมดี และกรรมชั่ว เป็นของเรา...อยู่กับเรา...เราเป็นผู้กระทำ....ต้องเป็นผู้รับผลกรรมนั้น....

 

อนุโมทนาค่ะ^ ^~

__________________________
"สุขใดเหมือนแม้นการไม่เกิดไม่มี" "จะไม่ละความเพียรถ้ายังไม่ถึงซึ่งนิพพาน"
"สุขใดในโลกล้วนไม่ยั่งยืน ผู้ใดปล่อยวางพิจารณาในความทุกข์เห็นโทษของความสุขผู้นั้นชื่อได้ว่าพบความสุขอันยิ่งใหญ่"<!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end -->

 

ที่ผมเคยได้อ่านมานะครับ เป็นปริศนาธรรมว่า เปรียบว่า มือที่กำ ด้านซ้ายนั้นเปรียบได้กับความชั่ว ส่วนมือข้างขวาของสมเด็จโตหมายถึงความดี ซึ่งก็คือ ความดีชนะความชั่ว ความดีเหนือความชั่ว นั่นเองครับ

 

กรรมปาก กับ กรรมท้อง
กิน อย่างเดียว ไม่ขี้เลยก็ตาย
ขี้ อย่างเดียว ไม่กินเลยก็ตาย

 

ขอแสดงความเห็นแบบส่วนตัวนะครับ ควาเห็นส่วนตัวถูกผิดยังไง ขออภัยด้วยครับ

คือว่าจากความรู้สึกส่วนตัวครับ เวลาจะเรียกจิตให้อยู่กับตัว ไม่ให้ฟุ้งซ่าน
ผมมักจะนึกถึงภาพ 2 มือมากำอยู่ที่หน้าอก แบบในรูปของหลวงพ่อโตนั่นแหละครับ

ผมขออ้างอิงจากภาพนี้ละกันนะครับ รูปดั้งเดิมครับ
มือขวาของหลวงพ่อโตจะตั้งอยู่ที่ลิ้นปี่พอดีครับ เป็นที่ตั้งฐานลมที่ฐาน 3 (ลิ้นปี่) ส่วนมือซ้ายน่าจะเป็นที่ตั้งลมฐานที่ 2 ครับ

ผมมักจะเอาจิตมาวางไว้ตรงนี้เวลาฟุ้งซ่าน โดยมีมโนภาพเป็นมือจับจิตเอาไว้

อ้างอิงเรื่องฐานลม

 

ตีได้ร้อยแปดครับ....

ปฏิบัติธรรมดีๆ...ไปถามท่านเลยครับ...

 

ตามที่เคยได้ฟังมา คนเราที่เกิดมาที่ก่อกรรมทำเข็นกัน ก็เพราะ 2 กำ(กรรม)
กำบน (กรรม) เกิดจากการกินความจริงคนกินอาหารตั้งแต่ปรกติ อย่างกลาง อย่างปราณีต ทำให้เกิดการสะสมการแก่งแย่ง การเอารัดเอาเปรียบกัน ถ้าใครลดหรือไม่กำก็หมดกรรม


กำล่าง (กรรม) เกิดจากกามคนปรุงแต่งหาและสะสมทรัพย์ บ้าน รถ เครื่องประดับและอื่นๆอีกมากมายเพื่อตอบสนองกำล่างนี้ ผู้ใดเห็นโทษของสองกำ(กรรม)ก็หมดทุกข์

 

กรรมปากกับกรรมท้อง ให้หาธรรมมะของหลวงพ่อจรัลมาอ่านมาฟัง ตั้งแต่อดีตชาติของหลวงพ่อธรรมมะของหลวงพ่อจรัลคือของแท้ทำให้จริง

 

ท่านอาจจะกำพระสมเด็จไว้ในมือนึงก็ได้นะครับ แล้วก็นั่งภาวนาอยุ่โดยใช้มือขวาทับมือซ้าย อันนี้ผมเดาเองนะ อย่าเพิ่งเชื่อ

 

มาอ่านต่อคะ สนุกดี อิอิ ^^

 

ขออนุญาตนะครับ ที่ได้ทราบมาจากหนังสืออารมณ์ขันและความศักดิ์สิทธิ์ของสมเด็จโต พรหมรังสี...มีความหมายว่า กำปาก และกำท้อง ครับ เพราะมนุษย์มีกิจกรรมที่สำคัญมากจะต้องทำอยู่2 อย่างในชีวิตประจำวันคือเรื่องปาก และเรื่องท้อง โดยได้อธิบายเหตุผลไว้น่าสนใจมาก ท่านที่สนใจลองไปหาอ่านได้ในหนังสือเล่มดังกล่าว ( หนังสือเล่มนี้เพื่อนข้าพเจ้าชือคุณมานิตย์ ชีคงเนียม ที่ทำงานอยู่กระทรวงมหาดไทยนำมามอบให้ ) ผิดถูกประการใดโปรดอภัยและชี้แจงด้วยครับ

 

อ้อ..ขอแถมนะครับว่าเพื่อนของข้าพเจ้าก็มีอยู่2 เล่มคือกับข้าพเจ้าเองและเพื่อนเท่านั้นครับ ขออนุโมทนากับเจ้าของกระทู้และสมาชิกทุกท่านครับ

 

ขออนุโมทนาสาธุธรรม...ปริศนาธรรม ผู้ใดเข้าถึง ก็แจ้งในความหมายนั้น

 

"จิตต้องอยู่เหนือกาย อย่าให้กายอยู่เหนือจิต" กำขวาคือจิต กำซ้ายคือกาย กายนั้นมี รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส ย่อมทำให้เกิดกิเลสได้ง่าย เมื่อนั้นกิเลสจะครอบงำจิตให้ตกอยู่ในความมืด เมื่อผู้ใดมีศีล ย่อมรู้ผิด ชอบ ชั่วดี สมาธิย่อมเกิดพิจารณาด้วยปัญญา และหยุดกระทำผิด นั้นหมายความ จิตอยู่เหนือกายแล้ว นี้คือหลักคำสอนขอพุทธาจารย์โต ซึ่งตรงกับคำสอนของพระพุทธเจ้า ว่า
มีศีล สมาธิเกิด
ปฏิบัติเถิด เกิดปัญญา
ทำความดี และหนีทำชั้ว
ทำกาย วาจา ใจ ให้สะอาดบริสุทธฺ์

 

นั่นสิครับ... มีความหมายอะไร

นึกสงสัยอยู่ แต่ไม่เคยคิดอยากรู้ พอเจอกระทู้นี้เลยรีบมาดูว่าคำตอบคืออะไร

 

ตามความเข้าใจของตนเองนะคะ
ท่านสอนเรื่องจิตของเรา คือ สวรรค์ และ นรก อยู่ในที่ๆ เดียวกัน คือ ใจ ของเรา
อยู่ที่เราจะเลือก ที่จะทำความดี หรือ ความชั่ว เพราะนั่นเราเลือกได้ แต่เราจะเลือกอะไร
และจิตตัวเดียวนี่แหละ ที่จะพาเราไป สวรรค์ หรือ นรก (ทำดี หรือ ทำชั่ว)
อนุโมทนา สาธุค่ะ

 

บางครั้งที่เห็นภาพสมเด็จโต กำมือซ้อนกัน จะนึกถึงภาพ ปู่ชีวกโกมารภัจจ์ ซึ่งสองมือกำแล้ววางซ้อนกัน ต่างกันที่ มีประคำ แต่สมเด็จโตไม่มี อาจจะหมายถึงสมเด็จโตมีประคำในนิมิตของท่าน ก็เป็นได้

พิจารณาเอง จากความคล้ายคลึงค่ะ

อนุโมทนา สาธุ

 

เป็นไปได้สูงเหมือนกันค่ะ จะอย่างไรก็ตาม ภาพท่านั่งกำมือนี้กลายเป็นเอกลักษณ์สำคัญของสมเด็จท่านไปแล้ว เพราะทุกครั้งที่นึกถึงท่านก็จะนึกถึงอิริยาบทการนั่งกำมือทั้งสองข้างแบบนี้ตลอด

 

จริงแล้ว เรื่องกำมือ ของหลวงปู่นั้น ไม่มีใครเคยได้บันทึกเอาไว้ แต่ตัวผมนั้นเพิ่งได้ไปฟังญาณทรงของหลวงปู่มา เรื่องการเคี้ยวหมากของหลวงปู่ ซึ่งหลวงปู่ได้เทศน์และสอนให้ทุกคนงดเหล้าและยาสูบ แต่ก็โดยที่ตัวหลวงปู่เองยังเคี้ยวชาญหมากอยู่เลย หลวงปู่ได้ให้เหตุผลว่า ในสมัยก่อนนั้น เมื่อมีการเจ็บป่วย ในบางโรคไม่มียาที่จะรักษา ก็มีแต่น้ำชานหมากนี่แหละนำมารักษาคนป่วยแทน และก่อนที่หลวงปู่จะมรณะ ก็ได้เลิกการเคี้ยวหมากแล้ว ก็เลยเป็นที่มาของท่านั่งกรรมฐาน แบบกำมือนั่นเอง หรือเรียกว่าท่าตะบันหมาก