ทำธุรกิจเกี่ยวกับการเช่าพระหรือวัตถุมงคลบาปไหม

ที่บ้านมีมากๆครับ ชอบเช่าด้วยและมีคนให้มา เคยคิดจะไปหาที่ให้เช่าพระ แต่ใจก็รู้สึกว่าบาป เพราะเป็นการค้ากำไรกับองค์ท่าน ขอความเห็นและคำแนะนำด้วยครับ

 

ถ้าไม่ได้ละเมิดศีล จะเรียกว่าบาปทันทียังไม่ได้ครับ

แต่จะเสี่ยงปรามาสพระรัตนตรัยมาก

พุทโธอัปมาโน ธัมโมอัปมาโน สังโฆอัปมาโน
คุณแห่งพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ หาประมาณมิได้

การให้เช่าบูชา กำหนดตีราคาองค์นั้นเท่านั้น องค์นี้เท่านี้
ในขณะที่คุณค่าของท่านยิ่งใหญ่มหาศาลหาประมาณมิได้
เราจะควบคุมสติควบคุมใจไว้ได้ตลอดละหรือ มิให้เผลอคิด
ถึงท่านอย่างเป็นเพียงสินค้าเพื่อเอากำไร มุ่งหวังเงินตราใส่
กระเป๋า เอาไปกินไปใช้ ซื้อหาวัตถุสนองกามคุณอันปราณีต
มาเสพตามความต้องการของกิเลส

ลองคิดดู หากพ่อค้าขายพระเครื่องที่ยังหนุ่มมาก จิตใจเต็มไป
ด้วยความต้องการทะยานอยากเหมือนปุถุชนทั่วไป ขณะมีลูกค้า
ให้ความสนใจจะเช่าบูชาพระเครื่องที่จะทำกำไรได้มากๆ เป็นหมื่นๆ
หรือเป็นแสนเป็นล้าน ใจของพ่อค้าหนุ่มก็ย่อมพองโตเกิดความปิติ
ฝันเฟื่อง ปรุงแต่งไปล่วงหน้าแล้วว่าจะเอาเงินไปทำอะไรบ้าง เช่น
อาจจินตนาการไปว่า เดี๋ยวคืนนี้จะไปฉลองที่ภัตตาคารหรูอย่างนั้น
แล้วไปต่อที่คลับหรูอย่างนี้ แล้วจะอ๊อฟเด็กที่สวยที่สุดในร้านออก
มาเสพสมให้หายมันเขี้ยว.....อย่างนี้เป็นต้น

ลองพิจารณาเอาเองเถิดว่าสมควรเจริญไหม

หากยึดเป็นอาชีพ หรือทำเป็นปกติ โอกาสที่จะคิดหรือทำการปรามาส
พระรัตนตรัยอย่างเป็นอาจิณกรรมก็มีสูง น่าหวาดเสียวแทนครับ

ในทางบวก เพียงคิดถึงพระนามพระพุทธเจ้าตอนกำลังจะตายโดยไม่
มีศรัทธาแท้จริงและเคยทำความดีใดๆมาตลอดชีวิตยังมีอานิสงส์ถึง
ดาวดึงส์ ลองคิดดูในมุมกลับ ถ้าเป็นในทางลบจะไปไหนละครับ

พระเจ้าพิมพิสารบำเพ็ญมหากุศลถวายอุปัฏฐากพระพุทธองค์และเหล่า
พระสงฆ์สาวกตลอดพระชนม์ชีพ ทั้งทรงป็นพระโสดาบัน อกุศลกรรม
ที่เคยปรามาสพระรัตนตรัย ใส่รองเท้าในเขตลานพระเจดีย์ยังแหวก
มหากุศลหนักเหล่านั้นเข้ามาส่งผล ถูกพระเจ้าอชาติศัตรูสั่งทรมานกรีด
พระบาทเพื่อมิให้เดินจงกรมได้จนเสด็จสวรรคต

พระภิกษุรูปหนึ่งในครั้งพุทธกาลมีร่างกายต่ำเตี้ยผิดคนทั่วไป เพราะเพียง
เคยแสดงความเห็นคัดค้านมิให้สร้างเจดีย์สูงนัก เพื่อมิให้ต้องใช้ค่าใช้จ่าย
ที่อาจสูงเกินกำลัง

คนรับใช้ของพระมเหสีของพระเจ้าอุเทนต้องเป็นทาสติดต่อกันมาทุกชาติ
เพียงเพราะเคยขอให้พระอรหันต์ภิกษุณีส่งของให้เพียงครั้งเดียวด้วยความ
รู้เท่าไม่ถึงการณ์

ในขณะที่มีร่างกายเตี้ยค่อมพิการติดต่อกันมาทุกชาติ เพียงเพราะเคยแสดง
ท่าทางของพระปัจเจกพุทธเจ้าที่มีหลังค่อมให้ผู้อื่นที่มีศรัทธาดูตามคำขอ
โดยทั้งตนเองและผู้ขอก็มิได้คิดล้อเลียน

สารพัดตัวอย่างครับ ศึกษาดูเองเถิด จะได้รู้ซึ้งว่าความประมาทหรือแม้แต่ความ
ไม่รู้ในการระวังสังวรในปฏิบัติต่อพระรัตนตรัยมีผลน่ากลัวเพียงใด

 

จริงๆแล้ว.....อย่าทำเป็นดีที่สุด ครับ

การซื้อ-ขาย พระเครื่องวัตถุมงคลแล้วนำเอากำไรมากินมาใช้ส่วนตัว ถือว่าเป็นการหากินกับพระนะครับ ไม่ใช่เรื่องที่ดีเลย

เพราะวัตถุมงคลปลุกเสกโดยพระอริยเจ้า จุดประสงค์ของท่านก็เพื่อเป็นพุทธานุสติและไว้ให้คุ้มครองสัตตบุรุษที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบป้องกันตัว
ไม่มีราคาค่างวดอะไร

ดูตัวอย่างพระสมเด็จซึ่งท่านเจ้าประคุณ สมเด็จพระพุทธาจารย์ (โต) พรหมรังษีท่านสร้างเอามาแจกญาติโยมที่ใส่บาตรกับท่านทุกเช้า

ไม่ได้มีเจตนาเพื่อมาทำการค้า-ขายหากำไร

ถึงแม้ว่าพระอริยเจ้าบางท่านสร้างพระและวัตถุมงคลแล้วตั้งราคา แต่ปัจจัยทั้งหลายทั้งปวงก็นำไปทะนุบำรุงเสนาสนะทั้งสิ้น ไม่ได้เข้าพกเข้าห่อใคร ครับ

หากจะขายพระเครื่องวัตถุมงคลเพื่อเอามาทำบุญในพระพุทธศาสนาก็พอรับฟังได้ น่ะครับ

นอกเหนือจากนี้แล้ว ก็จงระวังเวรกรรมนรกไว้จงหนัก

 

แล้วถ้าหากเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้น เช่น เดินทางไปต่างจังหวัดแล้วกระเป๋าสตางค์หาย ไม่มีเงินติดตัวเลยแม้แต่บาทเดียว บัตรATM ก็ไม่มี จะหาเงินมากจ่ายค่ารถหรือค่าข้าว ก็ไม่ได้เพราะไม่รู้จักใครเลย แต่บังเอิญมีพระเครื่องเลยเอาพระเครื่องไปให้ผู้อื่นบูชาต่อ โดยกำหนดไว้ว่าต้องบูชาจำนวนเงินเท่านั้นเท่านี้ ไม่ทราบว่าอย่างนี้จะบาปไหมครับ เพราะเหมือนเป็นการกำหนดว่าจะต้องได้เงินเท่านั้น เท่านี้ จึงจะยอมให้พระไป

 

จะพรรณาอธิบายความละเอียดของใจเป็นคำพูดอย่างไรก็ไม่ได้ครับ
ตอบเท่าที่จะตอบได้ไปแล้ว ต้องศึกษาพิจารณาให้เข้าใจเอง จึงจะรู้
ชัดว่าสถานการณ์อย่างไรมีโทษ อย่างไรไม่มีโทษ

แต่กรณีที่ไม่มั่นใจว่ามีโทษหรือไม่ จงอย่าทำครับ โอกาสติดค้างมา
นึกถึงกังวลช่วงใกล้ตายมีอยู่ หากฟุ้งซ่านไม่สบายใจช่วงนั้น ก็สวัสดี
See you at the end of time.

 

หลวงปู่สดสั่งห้ามไม่ให้ขายพระ ป๋มก็ไม่ขาย
ต่อให้อดตายก็ไม่ขาย
แต่ป๋มซื้อ

 

ไม่ทำเป็นดีที่สุดครับ เพราะจะเป็นการปรามาสต่อพระพุทธเจ้า...........สาธุ

 

แล้วแต่ความคิดบางท่านในที่นี้ออกให้บูชาแล้วเอาไปสร้างกุศลก็มีตั้งเยอะ

กรรมใครกรรมมัน วิีืธีนี้ก็สร้างถาวรวัตถุในพุทธศาสนาได้มากต่อมากลำพังรอให้บริจาค

จะได้สักเท่าไรวัดแถวบ้านศาลาสร้างมาเป็น 15 ปียังไม่เสร็จโบสถ์ก็เก่าเต็มทน

ก็ได้เงินจากวัตถุมงคลนี้แหละ ทุกๆท่านลองถามตัวเองนะครับว่า

ตัวเราทำบุญกันวันละแค่ไหนปีละแค่ไหนคนแบบเรามีเท่าไรบุญแบบที่ไม่หวังวัตถุนะครับ

แล้วปัจจัยพอไหม เวลาจะบวชลูกบวชหลานเดินทางไกลเป็น10กิโลเผาผีทีเหนื่อย

ผมพูดได้เต็มปาก เงินสร้างถาวรวัตถุในศาสนาตอนนี้ มาจากวัตถุมงคล เกือบ 80

เปอร์เซ็นต์ืื์

โดยรวมมองที่เจตนาเป็นหลัก เรามิได้ปรามาสพระ เจตนาอันเป็นกุศลเอาเจตนาเป็นหลัก

ผมปัญํญาน้อยยังไงท่านอื่นช่วยชี้แนะครับทุกวันนี้ทุกอย่างใช้เงินจะเดินทางไปวัดก็ต้องใช้เงิน

เดินด้วยท้าวก็ไม่ไหว...เจตนาเป็นหลัก....ท่านทั้งหลายโปรดชี้แนะจักเป็นพระคุณอย่างยิ่ง

ผมแค่มองต่างมุมนิดหน่อยแต่เคารพในความคิดของทุกๆท่านครับ...์

์

 

ผมคิดว่าควรดูเตนาเป็นหลักครับ บางท่านให้เช่าแล้วนำเงินไปใช้ในทางไม่ดีไม่ควรก็บาป บางท่านนำเงินที่ได้ไปเพื่อเลี้ยงชีพ เลี้ยงครอบครัว ต่อชีวิต ให้สะสมบุญต่อไปได้ แล้วใครจะเอาโทษหล่ะครับ ผู้ทำอาชีพนี้ก็อย่าคดโกง อย่านำพระเก๊มาหลอก และหมั่นทำบุญชำระหนี้สงฆ์ หมั่นขอขมาพระบ่อยๆ ทำทาน ปฏิบัติธรรม ผมว่าก็ ok นะครับ

 

ถ้าทำฝากขายพระที่บ้านด้วยมีเยอะมาก โดยเฉพาะหลวงพ่อกวยปี 39 ทำบุญ มา หมื่นกว่าบาท ได้มาเกือบ 100 ก่าองค์หาที่ปล่อยของอยู่เนี่ย

 

เหมือนดาบสองคมแหละครับ เพราะมีส่วนผสมในเิชิงพาณิชย์และการสืบทอดพระพุทธศาสนา

 

แล้วแต่มุมมองของแต่ละคน ไม่ได้ไปเบียดเบียนใครก็พอครับ

 

อาชีพที่พระพุทธเจ้าทรงห้ามไว้อาทิ ห้ามค้ามนุษย์ ห้ามค้าชีวิตสัตว์ ห้ามค้าอาวุธไว้ประหัตถ์ประหาร ห้ามค้ายาพิษเป็นต้น ส่วนการค้าพระเครื่องไม่ได้ห้ามไว้ ตรงกันข้ามผมว่าน่าจะช่วยจรรโลงสืบทอดพระศาสนาในกุศโลบายของคนโบราณนะครับ...เพียงแต่ในอดีตไม่มีพุทธพาณิชย์เข้ามาเกี่ยวข้อง...ส่วนปัจจุบันจะยังไงผมไม่ขอวิพากษ์...ท่านทั้งหลายรู้แก่ใจอยู่แล้ว

 

อยากทำอะไรทำ ขอให้ทำแล้วไม่เดือดร้อนผู้อื่น ไม่ผิดศีล5 ก็น่าจะเพียงพอแล้วครับ

 

ผู้ที่ปล่อย แบ่ง เพื่อบอกบุญ ก็เท่ากับว่าคนเช่าทำบุญ แล้วได้รับพระเครื่องเป็นกำนัล
ผู้ที่เช่าหามา ปล่อย แบ่งตามราคาที่ได้เช่าหามา เพราะคนอื่นเห็นแล้วอยากได้ ก็เลยแบ่งให้
ผู้ที่เช่าหามา แล้วปล่อย แบ่ง ในราคาที่สูงกว่า แล้วอวดอ้างพุทธคุณ ที่ตนเองประสบ
ผู้ที่เช่าหามา แล้วปล่อย แบ่ง ในราคาที่สูงกว่า พร้อมอวดอ้างพุทธคุณ ที่ตนเองได้ยินมา

:z3

พี่น้องคิดว่า คนไหนบาปบ้างครับ

denceedenceedenceedenceedencee

 

ขึ้นอยู่กับเจตนาครับ ถ้าเจตนาบริสุทธิ์ ก็มีส่วนช่วยในการเผยแพร่ สืบทอดพระศาสนา ถึงแม้จะเป็นเพียงวัตถุ ก็เป็นสิ่งยึดเหนี่ยวให้กับหลายๆ คน เมื่อคล้องพระแล้วกลัว ละอายต่อบาป ก็ดีไป เพราะทุกคนมีความเข้าใจในธรรม แตกต่างกันออกไป บางคนเข้าใจลึกซึ้งก็ไม่จำเป็นต้องคล้องพระ เพราะพระอยู่ในใจ จะทำสิ่งใด ก็นึกถึงพระ ลอายต่อบาปด้วยตนเอง มิใช่ต้องก้มไปดูว่าเราใส่พระอยู่หรือไม่

สำหรับผู้ที่จำหน่ายพระ โอ้อวดสรรพคุณ กุเรื่องปาฏิหารย์ เพื่อให้พระที่ตัวเองปล่อยมีความโดดเด่น ให้คนเข้ามาเช่ามาก ๆ บาปแน่นอนครับ

อย่างไรก็ตามถ้าทำอาชีพเหล่านี้ก็ควรนำปัจจัยไปทำบุญบ้างก็ดีนะครับ ขอบอก

 

อืม..ผมว่าอยู่ที่เจตนาครับ

ทำอะไรหรืออย่างไรก็ได้ที่ไม่ขัดกับคำว่า"มนุษย์"ครับ

 

ขายพระ เป็นบาป หรือ ไม่บาป
บาป....ไม่บาป....บาป....ไม่บาป....บาป....ไม่บาป
----------------------------------------------------------------
เป็นเรื่องที่น่าคิดทีเดียวนะครับ สำหรับตัวกระผมเองมีความคิดแบบนี้ครับ
ว่า..การขายพระเครื่อง จะบาป หรือ ไม่บาปนั้น ขึ้นอยู่กับ เจตนาครับ

พระเครื่อง คือ อะไรครับ
พระเครื่อง คือ วัตถุหนึ่ง ที่สร้างขึ้นมาเพื่อให้เราระลึกถึง
พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์
การที่เราขายพระเครื่องนั้น ถ้ามีเจตนาบริสุทธิ์ ในการขายไม่ได้โกหก(ศีล5)
ตรงไปตรงมา ซื่อสัตย์ ไม่ขายเกินราคาจริงที่ควรจะเป็น
ก็ ไม่บาป ครับ

แต่ถ้าในการขายพระเครื่อง เอาพระเก๊มาโกหก(ศีล5)ว่าเป็นพระแท้
ไม่มีความซื่อสัตย์ หลอกลวง ตั้งราคาเกินความพอดีที่ควรจะเป็น
อันนี้ บาป ครับ

ความเชื่อส่วนตัวนะครับ ไม่ตรงกับท่านใดต้องขออภัยด้วย
แต่ที่แน่ๆ ถ้าเจตนาโกหก บาป ชัวร์!ครับ เพราะ ผิดศีล5แล้วครับ

ส่วนขายพระโดยเจตนาดีนั้น ผมเองยังไม่เห็นความผิดบาปตรงไหน
ถ้าผู้ขายตั้งบูชาพระที่สำหรับขายอย่างเคารพ และสมกับเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์
ไม่ใช่เอาไปกองขายข้างทาง หรือ วางสุมๆในตู้ นั้นก็อีกเรื่อง

" ถ้ามองอีกแนว พระเครื่อง เป็น วัตถุ นะครับ
พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ กับ วัตถุ
ไม่ได้ปรามาสพระรัตนตรัยหรอกครับ เช่น การตีราคา
เ็ป็นการตีราคาของวัตถุ ตีราคาของการแลกเปลี่ยน
ไม่ได้ตีราคาของรูปลักษณะ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ที่อยู่บนวัตถุนั้น"

^ข้อความข้างบน เจตนา เป็นตัวชี้วัดครับ

มีใครเคยบอกไหม ว่าหลวงพ่อองค์นั้น สู้หลวงพ่อองค์นี้ไม่ได้
มีใครเคยบอกไหมครับว่า พระพุทธรูปองค์นั้น สู้ พระพุทธรูปองค์นี้ไม่ได้
ไม่มีเลยครับ

แล้วราคาของพระเครื่องแต่ละองค์ ที่ต่างกัน มาจากอะไรล่ะ?
แน่นอน ต้องไม่ใช่มาจากการตีราคาพระรัตนตรัย ที่อยู่บนวัตถุนั้นแน่
ส่วนมาจากอะไร ไม่จำเป็นต้องพูดถึงในกรณีนี้ครับ
ทีนี้ไม่ได้ตีราคาจากพระรัตนตรัยแล้ว ก็คงไม่เป็นการ ปรามาส แล้วละครับ

ความคิดเห็นส่วนตัวนะครับ ผิดถูกต้องขออภัย
ขอบคุณครับ


หมายเหตุ : อยากฝากไว้สักเรื่องหนึ่งครับ วัตถุมงคล พระเครื่อง ชื่นชอบได้
เล่นหาได้ มีไว้ครอบครองบูชาได้
แต่ต้องไม่ลืมนะครับ ว่าไม่ใช่แก่นแท้ของพระพุทธศาสนา
ทำความดี ละเว้นความชั่ว ทำจิตใจให้บริสุทธิ์ สำคัญมากกว่าครับ

 

เคยได้ยินมาเหมือนกันว่าการขายหรือเช่า บูชาพระเครื่องในรูปแบบต่างๆนั้น
ณ เวลาปัจจุบันได้แพร่หลายอย่างมาก โดยรวมแล้วผมคิดว่าไม่สมควรจะขายหรือเช่าซื้อ เพราะว่าสมัยนี้หยิบเอาสรรพคุณมาบังหน้า อวดอ้างโฆษณาก็มีอยู่ถมไปเเท้ที่จริงแล้วแผงไปด้วยธุรกิจสรรหาที่จัดจ้างนำมาซึ่งด้วยความฉ้อฉล ถ้าจะถามว่ายังมีองค์ที่ศักดิ์สิทธิ์ไหม ซึ่งมีอยู่จริง การบูชาและเช่าซื้อพระเครื่องสามารถทำได้แต่จะต้องขออนุญาติ ท่านๆ ทั้งหลาย หลวงพ่อทั้งหลายที่เป็นเจ้าของพระเครื่องเหล่านั้นด้วย ว่าสิ่งที่จะทำต่อไปนี้ไม่ได้มีเจตนาที่แผงไปด้วยหากินเอาเปรียบท่าน แต่ในความเป็นจริงแล้ว(ที่เคยได้ยินมา) พวกเขาเหล่านั้นจะต้องแบกบุญของพระที่อยู่ในรูปแบบของพระเครื่องต่างๆ เหล่านั้นตามไปด้วย ยิ่งบูชามามากเท่าไร ก็ยิ่งแบกบุญของพระเครื่องนั้นๆ ตามไปด้วย ลองคิดง่ายๆ ว่าถ้าเราแบกข้าวสารสักหนึ่งถุง เรายังพอไหว
แต่ถ้าเราแบกเพิ่มขึ้นไปอีก นานเข้า นานเข้า เป็นสองถุง...สามถุง...ฯลฯ ลองคิดดูซิว่าเราจะแบกต่อไปไหวไหม อีกอย่างนึง บุญพระในแต่ละองค์ที่เราบูชามานั้นมีบารมีและผลบุญในแต่ละองค์ไม่เท่ากัน นานวัน นานวันเข้าตัวเราเองจะแย่ตามกันมานะครับ แถมตัวเองยังทำไม่ดีอีก เป็นต้นว่า ไม่รักษาศีล ไม่สวดมนต์ไหว้พระ ทำแต่ความไม่ดี โปรดระวังตัวเองไว้ (ยิ่งถ้าบุญบารมีของพระเครื่องที่เราบูชาไว้ มีมากเท่าไร ตัวเราจะยิ่งแย่) สะสมอะไร ก็จะได้อย่างนั้น
นานวันนานนับวัน นับเดือน นับปี เป็นสิบๆ ปี เราต้องระวัง

 

เคยได้ยินมาเหมือนกันว่าการขายหรือเช่า บูชาพระเครื่องในรูปแบบต่างๆนั้น
ณ เวลาปัจจุบันได้แพร่หลายอย่างมาก โดยรวมแล้วผมคิดว่าไม่สมควรจะขายหรือเช่าซื้อ เพราะว่าสมัยนี้หยิบเอาสรรพคุณมาบังหน้า อวดอ้างโฆษณาก็มีอยู่ถมไปเเท้ที่จริงแล้วแผงไปด้วยธุรกิจสรรหาที่จัดจ้างนำมาซึ่งด้วยความฉ้อฉล ถ้าจะถามว่ายังมีองค์ที่ศักดิ์สิทธิ์ไหม ซึ่งมีอยู่จริง การบูชาและเช่าซื้อพระเครื่องสามารถทำได้แต่จะต้องขออนุญาติ ท่านๆ ทั้งหลาย หลวงพ่อทั้งหลายที่เป็นเจ้าของพระเครื่องเหล่านั้นด้วย ว่าสิ่งที่จะทำต่อไปนี้ไม่ได้มีเจตนาที่แผงไปด้วยหากินเอาเปรียบท่าน แต่ในความเป็นจริงแล้ว(ที่เคยได้ยินมา) พวกเขาเหล่านั้นจะต้องแบกบุญของพระที่อยู่ในรูปแบบของพระเครื่องต่างๆ เหล่านั้นตามไปด้วย ยิ่งบูชามามากเท่าไร ก็ยิ่งแบกบุญของพระเครื่องนั้นๆ ตามไปด้วย ลองคิดง่ายๆ ว่าถ้าเราแบกข้าวสารสักหนึ่งถุง เรายังพอไหว
แต่ถ้าเราแบกเพิ่มขึ้นไปอีก นานเข้า นานเข้า เป็นสองถุง...สามถุง...ฯลฯ ลองคิดดูซิว่าเราจะแบกต่อไปไหวไหม อีกอย่างนึง บุญพระในแต่ละองค์ที่เราบูชามานั้นมีบารมีและผลบุญในแต่ละองค์ไม่เท่ากัน นานวัน นานวันเข้าตัวเราเองจะแย่ตามกันมานะครับ แถมตัวเองยังทำไม่ดีอีก เป็นต้นว่า ไม่รักษาศีล ไม่สวดมนต์ไหว้พระ ทำแต่ความไม่ดี โปรดระวังตัวเองไว้ (ยิ่งถ้าบุญบารมีของพระเครื่องที่เราบูชาไว้ มีมากเท่าไร ตัวเราจะยิ่งแย่) สะสมอะไร ก็จะได้อย่างนั้น
นานวันนานนับวัน นับเดือน นับปี เป็นสิบๆ ปี เราต้องระวัง
<!-- google_ad_section_end -->