เรื่องเด่น เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๑๕ เมษายน ๒๕๖๘

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 15 เมษายน 2025.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    21,473
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,718
    ค่าพลัง:
    +26,577
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๑๕ เมษายน ๒๕๖๘


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 เมษายน 2025 at 10:50
  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    21,473
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,718
    ค่าพลัง:
    +26,577
    วันนี้ตรงกับวันอังคารที่ ๑๕ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๘ การสรงน้ำพระก็ผ่านพ้นไปแล้ว วันนี้เรามา "เล่าความหลัง" กันต่อ ดูว่าจะได้ฟังไปอีกกี่ปี..!?

    สมัยก่อนการเรียนระดับชั้นประถมปีที่ ๑ ถึงชั้นประถมปีที่ ๔ นั้น ต้องบอกว่าเรียนดุเดือดกว่าสมัยนี้มาก เนื่องเพราะว่าบุคคลที่เรียนจบแล้วสามารถไปเป็นครูเขาได้ แรกเริ่มก็จะเรียนหนังสือ ๒ เล่ม ก็คือ ปฐม ก.กา กับ แบบเรียนเร็วใหม่

    พอขึ้นชั้นประถมปีที่ ๒ ก็จะมีนิทาน ๑๐๐ บรรทัดเพิ่มเข้ามา ซึ่งเป็นการเขียนนิทานแต่ละตอนให้จบลงภายใน ๑๐๐ บรรทัด โดยเขียนเป็นกลอนแปดธรรมดา

    อย่างเช่น เจ้านกน้อย น่ารัก ร้องทักว่า

    ไปไหนมา หนูเล็ก เด็กชายหญิง

    ทั้งรูปร่าง หน้าตา น่ารักจริง

    ข้ายิ่งดู ก็ยิ่ง จำเริญตา
    เป็นต้น

    พอเรียนชั้นประถมปีที่ ๓ ในเรื่องของตัวสะกด และแม่อักษรต่าง ๆ จะต้องคล่องตัวทั้งหมด เป็นการเรียนในส่วนของมูลบทบรรพกิจ ซึ่งมีการตัดมาเป็นช่วง ๆ เด็กสมัยนี้ ถ้าไปเรียนน่าจะประสาทรับประทานตายกันหมด..! เพราะว่าเป็นหลักไวยากรณ์ไทยเลย

    พอชั้นประถมปีที่ ๔ มีการเรียนวรรณคดีหลายเรื่องด้วยกัน ซึ่งเด็กรุ่นใหม่ไม่ได้เรียนแล้ว อย่างเช่นว่า สังข์ทองตอนตีคลี พระอภัยมณีตอนเกาะผีเสื้อ รามเกียรติ์ตอนหอกโมกขศักดิ์ แล้วก็ยังมีเรื่องอื่น ๆ อย่างเช่น ราชาธิราชตอนมะกะโท หรือว่า นายเถื่อนเป็นนายเมือง เหล่านี้เป็นต้น คาดว่าหลายท่านน่าจะเรียนทัน แต่จำไม่ได้กันหมดแล้ว..!
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    21,473
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,718
    ค่าพลัง:
    +26,577
    อย่างสังข์ทองตอนตีคลี ที่จะเริ่มว่า

    มาจะกล่าวบทไป

    ถึงท้าวสหัสนัยตรัยตรึงศา

    ทิพอาสน์เคยอ่อนแต่ก่อนมา

    กระด้างดังศิลาประหลาดใจ


    ปกติแล้วที่นั่งของพระอินทร์ปกติจะนิ่มมาก ถ้าแข็งขึ้นมาเมื่อไร แปลว่ามีคนดีกำลังเดือดร้อน พระอินทร์ต้องลงไปช่วย

    หรือว่าพระอภัยมณีตอนเกาะผีเสื้อ ขึ้นต้นว่า

    ฝ่ายพระหน่อ บรมเมศร์ เกศกษัตริย์ โสมนัส ในอารมณ์ ด้วยสมหวัง ขึ้นบาหลี ที่สุวรรณ เหนือบัลลังก์ พระน้องนั่ง แนบข้าง ไม่ห่างกัน ฯลฯ


    หรือว่ารามเกียรติ์ตอนหอกโมกขศักดิ์ที่ขึ้นว่า

    บัดนั้น พระยาพิเภกยักษี เห็นพระองค์ทรงโศกโศกี อสุรีกราบลงกับบาทา ฯลฯ


    ลืมหมด..พูดไปนึกได้ นึกได้แค่หลวงพ่อพูด ไอ้ที่เหลือจบ..! ไปต่อไม่เป็น

    กระผม/อาตมภาพมีกิจวัตรอยู่อย่างหนึ่งก็คือ ว่างเมื่อไรต้องเข้าห้องสมุด เรียนแค่ชั้นประถมปีที่ ๒ ก็อ่านหนังสือหมดห้องสมุดเลย..! หนังสือสมัยนั้นมีทั้งวิชาการ มีทั้งนิทาน นิยาย มีกระทั่งนิตยสาร ซึ่งสมัยนั้นหลัก ๆ เลยก็คือนิตยสารครูประชาบาล กับการ์ตูนวีรธรรม เป็นการ์ตูนเรื่องตินตินผจญภัย (The Adventures of Tintin) แต่สมัยนั้นเขาแปลเป็นไทยว่า "แต๋งแต๋งผจญภัย"
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    21,473
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,718
    ค่าพลัง:
    +26,577
    ถามว่าทำไมอ่านหนังสือหมดห้องสมุดเลย ? เพราะว่าสมัยนั้นการเรียนต้องแข่งขันกับคนทั้งหมู่บ้าน เขาจะร่ำลือกันไปเลยว่าลูกบ้านไหนเรียนเก่ง โดยเฉพาะถ้าขึ้นรถเมล์ไป ถึงเวลามีป้ายอะไร สามารถอ่านได้ ผู้ใหญ่เขาจะชื่นชมกันมาก เขาใช้คำว่า "อ่านหนังสือแตก" ก็คืออ่านได้ทั้งหมด

    ด้วยความที่อยาก "อ่านหนังสือให้แตก" ก็เลยอ่านหนังสือทุกเล่มที่ขวางหน้า เล่มที่โดนครูบาอาจารย์หัวเราะมากที่สุดก็คือ ตำราเพศศึกษาของดร.อัลเฟรด คินซีย์ ครูสงสัยมาก ถามว่า "เธอจะอ่านไปทำไม ?" ก็บอกกับครูว่า "มีคำยาก ๆ เยอะมาก ผมอยากอ่านให้ได้ทั้งหมดครับ" เป็นตำราที่แปลมาจากภาษาอังกฤษ มีทับศัพท์ภาษาอังกฤษเยอะมาก

    จนกระทั่งสอบผ่านชั้นประถมปีที่ ๔ เป็นอันว่าจบชั้นสูงสุดของโรงเรียน ต้องหาที่เรียนใหม่ แต่ว่าโชคดีมาก เพราะว่ามีโรงเรียนประถมฐานบินกำแพงแสน เปิดขึ้นมารองรับพอดี

    ตอนนั้นป้ามุกดา (นางสาวมุกดา เพชรชื่นสกุล) เรียนจบชั้นประถมปีที่ ๔ แล้ว ไม่มีโรงเรียนให้เรียนต่อ โรงเรียนที่มีให้เรียนต่อก็คือโรงเรียนบ้านยาง ชื่อเต็มก็คือโรงเรียนอินทรศักดิ์ศึกษาลัย อยู่ห่างจากบ้าน ๑๑ กิโลเมตร พี่ชายรุ่นพี่ประสิทธิ์ พี่สุรกานต์ ต้องปั่นจักรยานไปเรียนหนังสือ ไป ๑๑ กิโลเมตร กลับ ๑๑ กิโลเมตร ป้ามุกดาแกเป็นผู้หญิง ไปขนาดนั้นไม่ไหว แม่ก็เลยให้มาช่วยงาน เพราะว่าตอนนั้นพอดีทางราชการต้องการที่จะทำลายล้างชุมโจรทั้งหมดที่มีอยู่รอบบ้าน

    เนื่องเพราะว่าช่วงรอยต่อสามจังหวัด นครปฐม กาญจนบุรี สุพรรณบุรีนั้นเป็นป่าใหญ่มาก ใหญ่ถึงขนาดที่ว่าโยมพ่อเจองูใหญ่ที่บอกว่าเลื้อยออกมาเต็มถ้ำพอดี อาตมภาพเองขนาดเกิดช้าแล้วยังจะโดนเสือลากไปกิน..! ไปเป็นเพื่อนโยมแม่ กลับจากไร่ ถึงเวลาโยมแม่ก็กระทุ้งหลัง บอกว่า "เดินเร็วหน่อย แต่อย่าวิ่งนะ" พอเข้าถึงบ้านปิดประตูโครม โยมแม่ถึงได้บอกว่าเสือมันหมอบอยู่บนจอมปลวก ถ้าวิ่งมันโดดใส่แน่นอน..!
     
  5. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    21,473
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,718
    ค่าพลัง:
    +26,577
    ช่วงนั้นด้วยความที่ว่าป่าใหญ่ไพรกว้างล้อมรอบบ้าน หน้าหนาวนี่หนาวสุด ๆ หนาวจนผิวแตกเป็นริ้ว ๆ หนาวจนริมฝีปากแตก เลือดซิบ ๆ รู้สึกเหมือนกับว่าห่มผ้าไปก็ไม่ได้ห่มอะไรเลย กลางคืนจึงมีการมาก่อไฟกลางบ้าน เพราะว่าบ้านสร้างแบบบ้านดินของคนจีนรุ่นเก่า ๆ พื้นจะเป็นดินทุบแน่นเท่านั้น สามารถก่อไฟได้ ก็มานั่งล้อมวง ผิงไฟกันรอให้สว่าง ง่วงมาก ๆ สัปหงกทีหนึ่งหัวทิ่มลงไป ผมก็หงิกไปทั้งแถบ..!

    ในเมื่อเป็นป่าใหญ่และเป็นที่ซ่อนของบรรดาชุมโจรต่าง ๆ ทางราชการก็เลยตั้งใจจะทำลายป่าตรงนั้นทิ้ง ซึ่งตอนหลังเปิดออกมาเป็นสนามบินกำแพงแสนจำนวน ๑๐,๕๐๐ ไร่ แล้วเป็นมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสนอีก ๘,๐๐๐ ไร่ ช่วงนั้นจำได้ว่าบริษัทเกอร์ซันแอนด์ซันเป็นผู้รับเหมาสร้างสนามบิน ดูการสร้างของเขาแล้วสุดยอดมาก ขุดดินลงไปจนลึกท่วมหัวเลย แล้วก็เอารถบดลงไปบดไถ ฉีดน้ำแล้วบด บดแล้วเอารถไถ ไถขึ้นมาใหม่ ฉีดน้ำใหม่แล้วบดอีก จนกระทั่งหางไถกดไม่ลง แน่นขนาดนั้น..!

    แล้วก็มีการปูแผ่นเพลท ซึ่งสมัยนั้นไม่เข้าใจว่าทำด้วยอะไร ลักษณะเป็นแผ่นยาว ๆ กว้างสักประมาณ ๓๐ เซ็นติเมตร ยาวสัก ๖ เมตรได้ ปูลงไปเป็นพื้น ลักษณะจะเป็นแผ่นที่มีร่องโปร่งอยู่ข้างใน เห็นว่าเป็นการซับแรงสะเทือนได้ดี แล้วถึงจะเทคอนกรีตทับ สร้างแข็งแรงขนาดว่าถ้าเครื่องบินพาณิชย์ลงต้องรับได้..!

    โยมแม่ก็เลยเปลี่ยนอาชีพจากเกษตรกร มีการไปแลกข้าวกับทางด้านหมู่บ้านลาวโซ่ง คือคนลาวโซ่งมีอยู่รอบบ้าน โดนกวาดต้อนมาสมัยรัชกาลที่ ๓ นำมาไว้ที่นครปฐมบ้าง สุพรรณบุรีบ้าง ราชบุรีบ้าง เพชรบุรีบ้าง ซึ่งปัจจุบันนี้เขาเรียกว่าไทยทรงดำ อาตมภาพมีเพื่อนลาวโซ่งเยอะแยะ จนกระทั่งพูดภาษาลาวโซ่งได้..!

    คนลาวโซ่งปลูกผักไม่เป็น หากินตามหัวไร่ชายนา ตามป่าตามเขา โยมแม่เห็นช่องว่างตรงนั้น คนจีนขยันปลูกผัก ก็เลยเอาผักไปแลกข้าว เป็นข้าวเปลือก ไม่ได้ซื้อขายกัน เป็นการแลกเปลี่ยน ค้าขายแบบโบราณจริง ๆ ก็คือคุณเอาผักอะไรไป จะให้ข้าวเท่าไรก็พูดคุยตกลงกัน อีกฝ่ายหนึ่งรับผักไปแล้วก็ตวงข้าวเปลือกมาให้

    โยมแม่ไม่เคยทำนา แต่มีข้าวเปลือกล้นยุ้งทุกปี เพราะว่าเดินไปแลกข้าวที่หมู่บ้าน ซึ่งห่างกันหลายกิโลเมตรอยู่ จำได้ว่าตอนนั้นที่บ้านอยู่หมู่ที่ ๑๑ ตำบลสระสี่มุม บ้านลาวโซ่งน่าจะเป็นหมู่ที่ ๖ มาตอนหลังเขาปรับขยายตำบลเพิ่ม บ้านอาตมภาพมาอยู่หมู่ที่ ๑๒ ตำบลสระพัฒนาแทน..!
     
  6. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    21,473
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,718
    ค่าพลัง:
    +26,577
    ในเมื่อมีการค้าขาย เพื่อให้ได้เงินทองง่ายขึ้น โยมแม่ก็เลยเปลี่ยนมาขายกับข้าว ก็อาศัยผักหญ้าในสวนบ้าง ไปซื้อหมูซื้อไก่เพิ่มเติมบ้าง บรรทุกจักรยานขี่ไปกับป้ามุกดาสองคน คนละคัน ความจริงโยมแม่เป็นคนจำแม่นมาก ใครขอซื้อเชื่อกับข้าวเอาไว้ วันที่เท่าไร เดือนเท่าไร ปีเท่าไร เป็นข้าวของอะไรบ้าง แม่จำได้หมด แต่พอมีพี่มุกดาไปด้วย ด้วยความที่เป็นนักเรียนมา ก็เลยเปลี่ยนเป็นให้พี่มุกดาช่วยจดบัญชีแทน

    สนามบินกำแพงแสนมาสร้างเสร็จตอนอาตมภาพเรียนจบ ป. ๓ ขึ้นชั้น ป.๔ เขาเปิดรับชั้น ป.๕ พี่มุกดาก็เลยเข้าเรียนตอนนั้น ทำให้เรียนช้าไป ๑ ปี อาตมภาพจบ ป.๔ ก็ไปเข้าเรียนที่นั่น ต้องสอบแข่งเข้าไปเรียน เพราะว่าเขาเปิดโรงเรียนมา ไม่ว่าจะเป็นโรงเรียนประถมฐานบินกำแพงแสน หรือว่าโรงเรียนมัธยมฐานบินกำแพงแสน ก็เพื่อรองรับบรรดาลูก ๆ ของข้าราชการ ซึ่งก็คือทหารอากาศ ที่เขาไปเอาตัวมาจากฐานบินโคราชบ้าง กองบิน ๕ สุราษฎร์ธานีบ้าง

    อาตมภาพก็เลยมีเพื่อนทั้งอีสาน มีเพื่อนทั้งปักษ์ใต้เยอะแยะไปหมด บางคนสงสัยว่าทำไมถึงฟังอีสาน ฟังปักษ์ใต้ได้ลึกซึ้งขนาดนั้น ? เพราะเพื่อนเยอะ เพียงแต่ว่าพูดแล้วสำเนียงยังไม่ได้ แต่ถ้าให้ด่าก็ชัดหน่อย..!

    คราวนี้เขารับคนนอกแค่ ๓๐ เปอร์เซ็นต์ ก็คือ ๑๐๐ คน รับลูกข้าราชการในสนามบินไป ๗๐ คน ให้คนนอกสอบแข่งเข้าไปเรียนได้ ๓๐ คน อาตมภาพก็สอบแข่งเข้าไปเรียน ชั้นประถมปีที่ ๕ ถึง ปีที่ ๗ เป็นโรงเรียนประถมฐานบินกำแพงแสน พอเรียนจบไม่ต้องสอบแล้ว เรียนต่อที่โรงเรียนมัธยมฐานบินกำแพงแสนได้เลย
     
  7. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    21,473
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,718
    ค่าพลัง:
    +26,577
    ด้วยความที่พื้นที่ใหญ่มาก อาคารทุกหลังจึงสูงที่สุด ๒ ชั้น เขาสร้างอาคารเรียนเยอะแยะไปหมด อาตมภาพเรียนมีห้องวิทยาศาสตร์ ห้องภาษาอังกฤษ ห้องภาษาไทย ห้องทดลองอะไรสารพัด มีกระทั่ง "ลิงกัวโฟน" เรียนภาษาอังกฤษ เพราะว่าเขาเอาไว้ฝึกฝนบรรดาทหารอากาศที่จะต้องไปอบรมร่วมกับต่างประเทศเขา เนื้อที่มีเยอะแยะจนไม่รู้จะสร้างสูงไปทำไม ? ก็เลยสร้างขยายออกกว้างไปแทน ดูแล้วเสียดายเป็นบ้าเลย ถ้าเป็นสมัยนี้คงสร้างเมืองเพิ่มได้ทั้งเมืองเลย..!

    อาตมภาพก็มีอาชีพเหมือนเดิม ก็คือเข้าห้องสมุด อ่านหมดทั้งห้องสมุดนั่นแหละ บรรดาหนังสือเล่มใหญ่ ๆ อย่างพระอภัยมณี ขุนช้างขุนแผนอะไรเหล่านี้ไม่มีใครยืมหรอก มีชื่อ ด.ช.เล็กอยู่คนเดียว คนอื่นเขาไม่ยืมกัน เขาว่าเสียเวลาเล่น..!

    อาตมภาพก็อ่านบรรดาวรรณกรรรมคลาสสิคอะไรของต่างประเทศที่แปลมา ไม่ว่าจะเป็นวัทเธอริง ไฮทส์ หรือ เดอะ ลิตเติ้ลเฮ้าส์ ซีรีส์ รู้ตั้งแต่ตอนนั้น หรือไม่ก็คอล ออฟ เดอะ ไวลด์ สนุกอย่าบอกใคร จนอยากจะเลี้ยงหมาของเราให้ได้อย่างนั้นบ้าง..!

    ดูท่าว่าจะต้องรอฟังวันพรุ่งนี้ต่อไป เพราะว่าพอเริ่มเข้าเรียนชั้น ป.๕ ภาระหนักหนาสาหัสก็ตกมาถึงบ่า เดี๋ยวพรุ่งนี้จะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น..!?

    สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันอังคารที่ ๑๕ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๘
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...