เตรียมตัวให้พร้อม!มันกำลังมา แจ้งข่าวสารการชำระโลก

ถึงคุณ แบม ครับ
ฝากรักเอาไว้ใจ ให้จำ ให้ทำ
วิมานบ้านของเรา อยู่ริมทุ่งกลางนา
ที่ปลายฟ้าโพ้นไกล ใจรำพึงคนึง
วิมานบ้านบนฟ้า รอต้อนรับทุกค่ำคืน
ถึงวันหนึ่งวันนั้น สิ้นไร้วิญญาณสิ้นคน
ได้กลับคืนอ้อมกอด วิมานบ้านของเรา.

 

วันนี้ไปคลองถมมาครับได้หลอดไฟ USB มาครับใช้งานต่อเนื่องได้ประมาณ 3-5 ชั่วโมงครับ ก็เป็นตัวเลือกนึง ในวันที่ไม่มีไฟฟ้าใช้ครับ

 

ครับผม ขออนุญาตครับ
ยอดเยี่ยมครับผม ดาราแฟร์ ซื้อเตรียมไว้แล้วครับ ขนาด 7/9/12 w ครับผม

 

ค่อยๆ เตรียมไปเรื่อยๆครับ ท่านดาราเเฟร์

 

แต่สิ่งที่น่าจะเตรียมไว้เลย คือ สติ ค่ะ

ถ้ามนุษย์ไม่ประมาท ต้องทำตนเองให้พร้อมเสียแต่ล่วงหน้า

การจะครองสติของตนเองเอาไว้ให้ได้ ในทุกขณะจิตในทุก ๆ สถานการณ์ที่ไม่พึงประสงค์ มนุษย์ต้องมีหน้าที่ จงใช้จิตของตนเองสร้าง "กฤตสติ" ขึ้นไว้ เป็นอาวุธประจำใจ สำหรับตนเองค่ะ

กฤต (กริช) หมายถึงอาวุธประจำกายของเหล่าทวยเทพในทิพยวิมานบนสรวงสวรรค์ ซึ่งมีความคมกริบในการประหัตประหารเหตุใด ๆ ที่เป็นเงื่อนไขแห่งจิตที่จะสั่นไหวรุนแรงเกินขีดปกติได้ ในทุกขณะจิต เมื่อต้องเข้าไปอยู่ในสถานการณ์สิ่งแวดล้อมที่ไม่พึงประสงค์นั้น เพื่อช่วยให้ตนเองสามารถครองสติตั้งมั่นไม่หวั่นไหวไปจนเสียความสมดุล

กฤตสติ คือ อำนาจในการครองสติของมนุษย์ ให้ตั้งมั่นอยู่ได้อย่างไม่หวั่นไหวไปตามเงื่อนไขสถานการณ์หรือเหตุการณ์ใด ๆ ที่จะทำให้จิตสั่นไหวเป็นอารมณ์รู้สึกที่รุนแรง นั่นเองค่ะ

 

ไม่มีอะไรแน่นอนค่ะ ถ้าใจมนุษย์ยังเสื่อมซามเห็นแก่ตัว ก็คือวันที่โลกถูกพิพากษา(โดยพระเจ้า)=กฎการคัดเลือกโดยธรรมชาตินั้นเองค่ะ

 

ใช่ครับ สติ มาเป็นอันดับเเรกครับผม

 

ใช่ค่ะ เห็นด้วยค่ะ เป็นการเตรียมตัวตายได้อย่างมีสติก็ได้ค่ะ จะได้ไปสุคติที่ดี หากต้องตายแบบจิตหวั่นไหวอย่างรุนแรงด้วยความกลัวสุดขีดคงทุกข์ทรมานมาก

จิตยิ้มเพิ่งเริ่มฝึก หากมีอะไรมาทำให้ตกใจ กลัวหวั่นใจ เมื่อรับกระทบผัสสะ เขาจะไหววูบไปแล้วกลับมาตั้งสติมั่นหนึ่งเดียวที่ตนเองทันทีค่ะ อาการวูบไหวจะหายไป เพิ่งฝึก ค่ะ ใครมีวิธีช่วยกันแนะนำก็ได้ค่ะ

แต่ถ้าเกิดเหตุใหญ่เมื่อมีสติน่าจะมีปัญญาในการเรียนรู้และเข้าใจความเป็นไปของชีวิตตามจริง น่าจะเป็นสิ่งที่ทำให้อบอุ่นใจเพิ่มขึ้นได้

 

เอาละซิ!คะ ตนเองไปหาข้อมูลที่รับรู้สัมผัสได้ถึงการแกว่งไปมาในรูปแบบพลังงานใต้ภิภพ มีความรู้สึกว่าการไหวไปไหวมา วันนี้รับรู้ได้ชัดเจนกว่าเดิม จึงไปค้นหาที่กูเกิ้ล จนไปได้ข้อมูลนี้มาค่ะ (ด้านล่างค่ะ) แต่..ที่สำคัญออกมาที่หน้าจอโทรศัพท์ ดันไปเห็นตัวเลขเวลา (22.22 น.) อีกค่ะ

การเคลื่อนที่แบบแกว่ง

ในธรรมชาติมีการเคลื่อนที่แบบหนึ่งซึ่งมีลักษณะเป็นการเคลื่อนที่ซ ้าๆ ในช่างเวลาใดเวลาหนึ่ง เช่น การเคลื่อนที่ของโลกรอบดวงอาทิตย์ การเคลื่อนที่ของดวงจันทร์รอบโลก การหมุนรอบตัวเองของโลกและดวงจันทร์และการแกว่งของลูกตุ้มนาฬิกา เป็นต้น การเคลื่อนที่ดังกล่าวจะผ่านจุดใดจุดหนึ่งเสมอ จึงเรียกว่า “การเคลื่อนที่เป็นคาบ (Periodic motion)” หรือ การแกว่ง (Oscillatory) การเคลื่อนที่เป็นคาบ หรือการแกว่งเป็นการเคลื่อนที่ของวัตถุที่ถูกแรงกระท้าและมีต้าแหน่งเปลี่ยนไปจากต้าแหน่งสมดุล (Stable equilibrium) เมื่อปล่อยหรือไม่มีแรงกระท้า วัตถุจะพยายามกลับสู่จุดสมดุล แต่เนื่องจากวัตถุมีความเฉื่อยท้าให้วัตถุเคลื่อนที่ผ่านจุดสมดุลไปยังอีกด้านหนึ่ง และแรงที่ดึงวัตถุกลับสู่สมดุลจะท้าให้วัตถุหยุดและเคลื่อนที่กลับไปยังจุดสมดุลอีกครั ง ซึ่งผลดังกล่าวท้าให้วัตถุเคลื่อนที่กลับไปกลับมาผ่านจุดสมดุล ถ้าไม่มีแรงเสียดทานวัตถุจะเคลื่อนที่อย่างต่อเนื่องตลอดไป การเคลื่อนที่บางอย่างมีแรงเสียดทานเข้ามาเกี่ยวข้องจึงจ้าเป็นต้องมีแรงหรือพลังงานป้อนให้กับระบบตลอดเวลา

ลองช่วยสันนิษฐานหน่อยได้ไหมค่ะว่า ลักษณะนี้จะนำไปสู่สภาวะโลกกลับขั้วได้ไหม? หรือ อีกอย่างหนึ่งการกวัดแกว่งของโลกที่มีการสัดส่ายที่ผิดปกติ ขณะนี้มีคนรับรู้สภาวะการไหวไปไหวมากันได้มากแล้วค่ะ และรับรู้กันได้อย่างชัดเจน (ไม่ได้มีจิตยิ้มคนเดียวที่รับรู้สภาวะนี้)

หากว่าสองสภาวะนี้โลกกำลังย่ำแย่อย่างมาก เป็นสาเหตุที่จะทำให้โลกพลิกกลับขั้วหรือเปล่าคะ (เรามาสันนิษฐานกันค่ะ)

ข้อมูลด้านล่างนี้น่าสนใจมากค่ะ

http://clip.teenee.com/etc/43438.html

<iframe width="640" height="360" src="https://www.youtube.com/embed/erS_3rKQK3E" frameborder="0" allow="accelerometer; autoplay; encrypted-media; gyroscope; picture-in-picture" allowfullscreen></iframe>

 

เมื่อก่อน ผมเชื่อมงคลตื่นข่าวเป็นบ้าเป็นหลัง
ตอนนี้ แม้จะศึกษาพระธรรมมากขึ้น จนเข้าใจว่าทำไมพระพุทธเจ้าจึงสอนให้อย่าเชื่อมงคลตื่นข่าว แต่ไอ้คนธรรมดาอย่างเรา ๆ ที่ยังมี รัก โลภ โกรธ หลง คนที่รัก คนที่ชังอยู่นี่

มันก็อดเชื่อมงคลตืนข่าวไม่ได้จริง ๆ ล่ะนะ หวังว่ามันจะไม่เกิด

 

อาจเป็นไปได้ค่ะ เมื่อพวกอาทิตย์ส่งกระแสคลื่นแม่เหล็กกระทำต่อโลก(ซึ่งแม่เหล็กนี้เกี่ยวข้องกับพลังจิตของมนุษย์และสัตว์ด้วย) มันกำลังกลับขั่ว พลิกกลับเหมือนเลข 8 ก็อาจจะเป็นไปได้ที่โลกอาจจะกลับขั่วโลก...และภัยพิบัติอาจเกิดตามมา และความเชื่อส่วนตัวเราเลข2เลขแม่(เย็น)คือน้ำ และ1คือเลขพ่อ(ร้อน)พระอาทิตย์ คู่กัน 12 เหมือนหนัง2012เลยแค่สมมุตินะอย่าจริงจัง

 

ครับผม ขออนุญาตครับ
อย่าลืมไฟฉายแรงสูงแบบใช้ถ่านและรองเท้านิรภัย นะครับ.

 

ไฟฉายเเรงสูงมีเเล้วครับ กระบอกกรองน้ำอีก1กระบอกครับ

 

ครับผม ขออนุญาตครับ
ถ่านไฟฉายสำรองด้วยครับ
นกหวีด รองเท้านิรภัย เพราะมิใช่เวลาปกติ
ขนมจันอับใส่เป้ไว้
เกลือแร่แบบเสียเหงื่อ
เชือก เครื่องกันหนาว
ไม่ไผ่ท่อนยาวๆ เหมาะมือพอดีๆ

 

ผมว่าจะซื้อเป็นมีดเดินป่า จำเป็นไหมครับ ท่านดาราเเฟร์

 

คำของฟ้า....ภัยพิบัติใด ๆ ที่ร้ายแรงจะบรรเทาลงได้เมื่อ....

มนุษย์สามารถช่วยเหลือโลกได้

จากการคำนวณด้วยสูตรสมการทางพลังงาน ปี 2535 การทำเทคนิคต่อระบบโลกต้องใช้พลังงานจำนวนมหาศาล เนื่องจากจิตสำนึกของมนุษย์โลกด้านบวก เพื่อปลดปล่อยพลังงานออกมาให้แก่ระบบโลกอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าที่ควรจะเป็น โลกจึงมีพลังงานใหม่ทดแทนที่เสียสมดุลไปไม่มากพอ การถ่ายเทพลังงานจำนวนมากจากภายนอกเข้าสู่ระบบโลกที่คำนวนไว้จึงมีความจำเป็นดังกล่าว

เมื่อพลังงานที่ถูกส่งเข้ามาใหม่มีความเข้มข้นสูงกายภาพของโลกย่อมได้รับแรงกระตุ้นให้เกิดการสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงตามไปด้วย

ถ้ามนุษย์ต้องการลดทอนพลังอำนาจที่รุนแรงจากมายาของกระบวนการเทคนิคในครั้งนี้ให้ได้ จงกระทำที่จิตสำนึกของตนเสียบัดนี้ โดยเร่งระดมกันสร้างรอยตราประทับตรงหน้าผากของตนเองไว้ ด้วยการทำสมาธิแบบใหม่กันถ้วนหน้า เพื่อมอบพลังงานความรักให้แก่โลกเสียเอง

พลังงานความรักคือ พลังงานไฟฟ้าแม่เหล็กด้านบวกที่เกิดจากการสั่นสะเทือนทางจิตสำนึกด้านบวก ของกระบวนการสมองซีกขวานำซีกซ้ายในสภาวะสมาธิ ที่มนุษย์จะสามารถกดปุ่มใช้งานมันเพื่อป้อนพลังงานที่ว่านี้ให้แก่โลกได้โดยตรงในทันทีที่ต้องการ

นอกจากนั้น มนุษย์จะต้องเรียนรู้ที่จะมอบพลังงานความรักให้แก่เพื่อนมนุษย์และทุกสรรพสิ่งในระบบโลก ซึ่งเป็นระบบเดียวกัน ผ่านประสบการณ์การอดทน การอดกลั้น และการให้อภัยด้วยจิตสำนึกที่ถูกต้องแท้จริงให้จงได้

การกระทำทางจิตสำนึกดังกล่าว มิได้เป็นการขอร้องของจักรวาลใด ๆ มนุษย์ทุกคนต้องตัดสินใจกระทำมันด้วยตนเองต่างล้วนมีกลไกในการแสดงพลังอำนาจกนี้กันทุกคนอยู่แล้ว ถ้ามนุษย์กระทำได้ ภัยพิบัติใด ๆ ที่ร้ายแรงก็จะบรรเทาลงได้เมื่อนั้น

ดาวเคราะห์โลกจะบอบช้ำมากเพียงใด และมนุษย์จะต้องเผชิญชะตากรรมรุนแรงระดับใด มนุษย์ทุกคนมีส่วนเกี่ยวข้องอย่างยิ่ง

 

ทวนอีกครั้งหนึ่งค่ะ....

ประเทศแต่ละประเทศในโลกนี้ จะเผชิญเคราะห์ภัยต่างกัน ขึ้นอยู่กับส่วนรวมของคนในประเทศนั้น ๆ ไม่ว่าจะเป็นการเบียดบังทรัพยากรนำมาสนองต่อความต้องการของตนเอง และการเข่นฆ่ามนุษย์ และสัตว์ต่าง ๆ เป็นบ่งบอกถึงภัยที่ประเทศนั้น ๆ ต้องเผชิญ

ตามคำกล่าวด้านล่างนี้ค่ะ.....

สภาวะวิกฤติใด ๆ ที่เกิดขึ้นบนโลก จัดเป็นกรรมอย่างหนึ่งซึ่งมนุษย์จักต้องเผชิญและฝ่าฟันมันไปให้ได้ ความหนักหนาแห่งเคราะห์ภัยในแต่ละชนชาติ จะเป็นเครื่องชี้บุรพกรรมในอดีตชาติ และกรรมปัจจุบันของพวกเขาที่ยังเหลืออยู่ มันจะเป็นการชดใช้กรรมที่มนุษย์ปัจจุบันซึ่งเคยล้วนเกิดเป็นมนุษย์ในอดีตชาติ คนละภพชาตินับไม่ถ้วน ซึ่งแต่ละภพชาติ มนุษย์กระทำไม่ดีงามทั้งทางตรงและทางอ้อมต่อโลก อันประกอบด้วยแผ่นดิน พื้นน้ำ อากาศ พืขพันธ์ธัญญาหาร รวมทั้งสรรพสิ่งอื่น ๆ ที่เป็นระบบเดียวกัน (มนุษย์ สัตว์ พืช และกายภาพของโลก)

 

โลกจะมีปรากฎการณ์เช่นไร? และเพราะเหตุใดจึงต้องเลื่อนแล้ว...เลื่อนเล่า เลื่อนระยะเวลาออกไปเรื่อย ๆ ก็เพื่อให้มนุษย์ทุกคนมีจิตสามัญสำนึกในส่วนนี้กันขึ้นมาบ้าง

ตามคำกล่าวด้านล่างค่ะ.....

การสร้างบทเรียนแห่งความกลัว เพื่อนำมนุษย์ทั้งโลกไปสู่จิตสำนึกแห่งการเป็นมนุษย์ร่วมกัน

ที่สำคัญ กาากลัวตนเองต้องตาย เป็นความกลัวอันยิ่งใหญ่ที่เกิดขึ้นจริง จิตสำนึกเกิดการสั่นสะเทือนขึ้นจริง ๆ มิใช่เพียงรับรู้ว่าตนเองกลัวตายเฉย ๆ อีกต่อไป

ภัยจากธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จะทำให้มนุษย์จำนวนมากต้องตายไปเมื่อเผชิญเงื่อนไขนั้น มนุษย์คนอื่น ๆ ที่รอดชีวิตอยู่จะรู้สึกอาลัยอาวรณ์ต่อผู้จากไปในเบื้องแรก นั่นเท่ากับว่าพวกเขากดปุ่มเพื่อปลดปล่อยอารมณ์ที่เป็นส่วนผสมของความรักให้กันในเบื้องต้นแล้ว

ความรู้สึกห่วงใยในคนที่ตนเองรัก และต้องพลัดพรากจะต้องประสบเคราะห์กรรมอันเกิดจากการคาดคะเน จะเป็นพงังงานอารมณ์ถัดมาที่จะเกิดขึ้นในจิตใจมนุษย์โดยเริ่มปลดปล่อยให้กับคนใกล้ชิด

ต่อมาก็สามารถปลดปล่อยให้ผู้อื่นที่ห่างไกลได้เอง เช่นสงสารเวทนาในเคราะห์กรรมที่เกิดขึ้นแก่บุคคลอื่น กลัวคนอื่นต้องตาย คอยติดตามข่าว หรือยอมเป็นอาสาสมัครเสียสละเพื่ออุทิศตนเพื่อช่วยเหลือมนุษย์คนอื่น

จักรวาลทราบดีว่า ถ้ามนุษย์ทุกคนที่กลัวตายแล้วรอดชีวิตได้ มันจะเป็นสะพานทอดนำมนุษย์คนนั้นไปสู่ความรักตนเองและบุคคลอื่นได้ตามลำดับ ถ้ามนุษย์ที่รอดชีวิตทุกคนสามารถปลดปล่อยพลังงานความรักให้แก่กันและกันได้ จิตสำนึกแบบรวมหมู่ หรือ พลังงานร่วมของเผ่าพันธ์มนุษย์โลกจะเกิดขึ้นได้อย่างมหาศาล

แต่...ลองย้อนกลับไปมองสถาณการณ์โลก ที่เกี่ยวกับมนุษย์เป็นเช่นไร สิ่งที่มนุษย์ส่วนใหญ่กระทำเป็นอย่างไรลองพิจารณาดูกัน ถ้าเมื่อถึงเวลา ณ ขณะใดที่โลกถึงจุดวิกฤติแล้วจริง ๆ ทุกสิ่งทุกอย่างต้องเกิดขึ้นไปตามเหตุและปัจจัยที่ส่งผลให้อย่าง มนุษย์จะต้องเผชิญกับเหตุการณ์ต้องเปลี่ยนแปลงโลกอย่างแน่นอน

โลกต้องถูกยกระดับให้สมดุล พอลลูชั่นใด ๆ จะต้องถูกชำระล้างให้หมดไป และแน่นอนว่าจิตสำนึกมนุษย์ที่นับวันจะดิ่งลงสู่ความเป็นเดรัจฉานเข้าไปทุกที ก็จะต้องถูกยกระดับขึ้นจากกระบวนการเทคนิคในครั้งนี้ด้วย

 

วิเคราะห์ได้ถูกต้องค่ะ ยกตัวอย่างเช่นเมื่อใดมีคลื่นยักษ์ที่คนตายเยอะ ท้องฟ้าจะเป็นสีแดงเหมือนเลือด พลังงาน พลังจิตของมนุษย์มีค่ะ แต่ถูกหักล้างไปเมื่อมีความโลภ โกรธ หลง ทิฐิ ตัณหา และเห็นแก่ตัว มนุษย์จึงใช้สมองได้แค่10%ไม่สามารถยกระดับได้แล้วยิ่งจะแย่ลง ส่วนคนที่มีพลังสูงเห็นหรือได้ยินอะไรบางอย่างได้ แต่เดี๋ยวนี้การแพทย์ก็ดันตัดสินเขาว่าบ้า ไม่เอาประเด็นนี้มาศึกษาเพราะคิดว่าผีและพระเจ้าไม่มีจริง มีแต่มนุษย์ผู้ยิ่งใหญ่ที่สุด เราจึงต้องล้างโลกค่ะ555 เดี๋ยวนี้คนเก่งมีเยอะแล้วค่ะ(เก่งแต่หาผลประโยชน์ใส่ตัวเอง)เริ่มไม่อยากได้ อยากได้คนมีคุณธรรม มีจิตใต้สำนึกดีมาสร้างโลกใหม่