จิตพร้อม? รับภัยพิบัติ

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย ภูภู, 6 เมษายน 2012.

  1. Wittayapon

    Wittayapon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    1,075
    ค่าพลัง:
    +19,233
    สาธุครับพี่ภู ..ยินดีกับห้องนี้ครับพี่ จะพยายามยกระดับจิตตัวเองครับพี่...ชื่นชมครับ
     
  2. 99kansita

    99kansita เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    77
    ค่าพลัง:
    +310
    (ซ้าย) สมเด็จองค์ปฐมปางมหาจักรพรรดิ์ (ขวา) สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสมณโคดม

    กราบโมทนาในธรรมทานด้วยค่ะ พี่ภู
    เก้าอาราธนารูปสมเด็จพ่อมาด้วยเผื่อให้กัลยาณมิตรทุกท่านได้ save ไว้ดูให้จิตจำภาพได้ชัดๆ ค่ะ

    อิอิ เผื่อพี่ภูจะมีรางวัล เมตตาพาขึ้นไปฟังธรรมที่เทวสภาในวันพระน่ะค่ะ:VO
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_2041.JPG
      IMG_2041.JPG
      ขนาดไฟล์:
      3.4 MB
      เปิดดู:
      400
    • IMG_2043.JPG
      IMG_2043.JPG
      ขนาดไฟล์:
      3.1 MB
      เปิดดู:
      349
  3. Kim_UoonSo

    Kim_UoonSo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    518
    ค่าพลัง:
    +5,937
    แวะมารายงานตัวว่าแอบอ่าน แอบเก็บธรรมะในกระทู้อยู่นะคะพี่ๆ ชาวพลังจิตทั้งหลาย..

    น้องขออนุโมทนาพี่ภู และพี่ๆ ทุกท่านที่เมตตาและแบ่งปันธรรมเพื่อพัฒนาจิตให้ดีขึ้น สูงขึ้นค่ะ

    เวลาย้อนกลับไม่ได้และทุกคนก็ไม่มีใครรู้ว่าตัวเองมีเวลาเหลืออยู่บนโลกอีกนานเท่าไร เพราะฉะนั้นเราควรใส่ใจจิตของตัวเองตั้งแต่ตอนนี้ดีกว่าให้จิตหลงไปถามกระแสโลกจนกายและจิตลำบากหรือแย่ไปกว่านี้ (แค่โลกเรามีปัญหา มนุษย์ก็เดือดร้อนไม่จบไม่สิ้น)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 เมษายน 2012
  4. dutchanee

    dutchanee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    1,127
    ค่าพลัง:
    +12,745
    555555 มาอยู่กันตรงนี้นี่เอง เอาเป็นว่า ใครบอกว่าเด็กไร้เดียงสานะนี่
    จริงๆแล้วจิตเขาใสบริสุทธิยิ่งกว่าเราท่านผู้ใหญ่ทั้งหลายซะอีก ดูซิคิดแทน
    ผญ. บางท่านได้อีกต่างหาก(แค่บางท่านเจ้าค่ะ ไม่ได้เหมารวมนะ)
    วันก่อนบอกลูกสาวลองหลับตาให้เห็นรูปพระ เขาก้อเห็น บอกให้ทำ
    เป็นประกายพฤกษ์(เอ๊ ใช่ตัวนี้การันต์มั้ย) เขาก้อได้ เแถมถามกลับทั้งที่
    หลับตาว่า มีแสงเยอะๆออกมาด้วยมั้ยแม่...ชะอุ๊ย กว่าตรูจะทำได้นั่ง
    ตั้งหลายวัน เกริ่นๆเรื่องภัยพิบัติกับเด็ก 11 ขวบไปแล้วสิ ผิดมั้ย
    ข้างในบอกไม่ผิดหรอก ถามเขาว่าเข้าใจมั้ย เข้าใจ ถามว่าเขารู้สึกเศร้ามั้ย ไม่เห็นมี ถามอีกว่า กลัวมั้ย ไม่นี่...เพราะจิตยังไม่ได้ไปเกาะอะไรมากมายที่จะต้องมานั่งห่วงหาอาลัย กลัวตาย กลัวนั่นๆนี่ๆมาก ความรู้สึกก้อคงจะเบาบางกว่าพวกเราท่าน ผญ. ที่หนาเขรอะไปด้วยของเหล่านี้ เจงม๊ายจ๊าวค๊าาาา
     
  5. dutchanee

    dutchanee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    1,127
    ค่าพลัง:
    +12,745
    จิตเกาะพระ นี่ ไม่ยากแต่ก้อ ไม่ง่าย อั่ยที่ไม่ยากก้อลองสังเกตดู ใครที่ได้ iphone หรือ ipad ที่แลกมาด้วย i pay ใหม่ๆนี่ โอ๊ยยยย..อะไรมันจะขะไหนหนาด(นี่เอาแค่เบาะๆ ถ้าเป็นรถ บ้าน...วุ๊ย)วันๆนี่ไม่อยากทำไรเล๊ย อยากแต่จะเล่น จะกด จะแชท จะนั่น จะนี่ คิดถึงแต่ i แม้ว่าเธอจะอยู่ในกระเป๋าของฉัน ชีวิตนี้มีเพื่อ i
    นั่งอยู่กับแฟน แต่เราเล่นกับ i กินข้าวด้วยปากแต่ i เทคโอเวอร์ตาและนิ้วมือ
    เอ๊า..บางท่านเป็นเช่นนี้จริงนะ...นี่เลย ลองพลิกดู ลองเปลี่ยนความรู้สึกที่มีต่อ i
    (อ่านให้ดีๆนะท่านผู้เจริญทั้งหลาย) ความรู้สึก ความนึกคิด ความติดใจ พลิกมา
    ให้เป็นพระแทน... เห็นมั้ยไม่ยาก แต่ติดตรงที่ไม่ง่ายนะดิ..ติดงายยยย...
    ติดที่จะพลิกกันได้มั้ยอ่ะ.......เจ๊ยยยยยยยยย..(เป็นกำลังใจให้ทุกท่านเจ้าค่ะ)
     
  6. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    แกคิดถึงข้ามั๊ย!
    ...อิอิ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 8 เมษายน 2012
  7. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    พยายามอีกนิดนึงนะเธอน่ะ
    คิดถึงพระบ่อยอีกนิดเดียว แล้วเธอก็จะพบพระในดวงจิต(ถ้าจิตสื่อได้นะ)
    ถ้าทำใหม่ๆ จิตยังระลึกถึงพระกันไม่ค่อยได้ ก็ขอให้กำหนดช่วยจิตระลึกถึงพระไปก่อน ทำจนกว่าจิตระลึกถึงพระได้เอง ต่อไปก็จะสบาย

    สบายอย่างไร?
    จิตจะทรงสมาธิได้เอง
    นี่คือ ความอัศจรรย์แห่งจิต พวกเราพยายามเข้าไปให้ถึงจิตของตนเองนะ
    ถ้าจิตทรงสมาธิดีแล้ว สติมาปัญญาเกิดทันที เพราะปัญญาจะมาทีหลังจากจิตทรงสมาธิแล้ว

    เพราะฉะนั้นจิตของคนเราจะนิ่งได้ ต้องอาศัยจิตทรงสมาธิเสียก่อน
    ตอนนี้ผมพยายามไม่เน้นเรื่องฌานกัน เพราะในเบื้องต้นอยากให้จิตทรงสมาธิให้ได้กันก่อน แต่จิตจะทรงสมาธิได้นั้น ก็ต้องรอให้จิตเกาะพระได้เองก่อนนะ จิตจึงจะทรงสมาธิได้อย่างต่อเนื่อง

    แล้วจะทราบกันได้อย่างไรว่า จิตนั้นเกาะพระได้
    สังเกตจิตได้ด้วยตนเองก็คือ จิตเกิดปิติ
    ปิติที่กำัลังได้รับนั้นก็คือ จิตเกิดสมาธิ
    จิตที่เป็นสมาธิอยู่นั้นก็คือ จิตนิ่ง จิตสงบ
    จิตกำลังนิ่ง จิตกำลังสงบอยู่นั้นก็คือ จิตสุข
    จิตกำลังสุขอยู่นั้นก็คือ จิตยิ้ม
    จิตที่กำลังยิ้มอยู่นั้น เป็นเพราะจิตกำลังมีความสุข อิ่มเอิบใจ ซึ่งผุดออกมาจากภายในของจิตตนเอง
     
  8. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    หวัดดีครับ
    ผู้ใดเข้ามา หรืออกไปก็จะมีแต่ความสุขใจครับ
    แทบจะลืมไปว่ากำลังมีภัยพิบัติ
    ขอให้ยกจิตกันไวๆ จิตจะได้ตั้งอยู่เหนือภัยทั้งปวง
    เพราะยิ่งจิตนิ่งเท่าไหร่ จิตก็จะมีพลังมากขึ้นเท่านั้น
    และด้วยจิตอันทรงพลัง บวกกับสติด้วยแล้ว ไม่ต้องห่วง

    น้องก็ช่วยยกจิตให้ไวๆนะครับ
    (รู้วิธียกจิตให้ไวนั้นเขาทำกันยังไงรู้หรือยัง?)

    ไปดูตัวอย่างพี่เขาโน้น ยังหัวเราะกันยังไม่หยุดเลย
    แหม๊ๆ พวกเธอทำไมมันสุขได้ สุขดีขนาดนั้นเชียวหรอ???
    catt3 ขำๆแบบไม่เกรงใจชาวบ้าน ไม่เกรงใจฟ้าดินกันบ้างเลย
    โดยเฉพาะลูกศิษย์กับครู คือคุณชนีดัช dutchanee& natthapatpun สงสัยจะติดลมบนไปแล้ว
    ไปดูสิว่าเขายังอยู่สบายดีหรือเปล่า....
     
  9. Homealond

    Homealond เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    120
    ค่าพลัง:
    +476

    อนุโมทนาค่ะ

    เมื่อวานเราก็เพิ่งเจอบททดสอบไปเหมือนกัน เป็นคนแขกที่ขึ้นชื่อเรื่องความปากร้ายเลย ตอนนั้นเรากำลังไปช่วยนำทางให้คุณผู้หญิงชาวรัสเซียให้ไปที่ๆพวกเธออยากไป แล้วกระเป๋าเราดันไปเกี่ยวกับกระจกรถคนแขกนี่ล่ะค่ะ ด่าเราเป็นภาษาอังกฤษดังกลางถนนเลย TT คนมองตรึม (ที่ๆเรายืนอยู่มีแต่ฝรั่งอ่ะค่ะ ฟังออกกันหมด)

    ตอนนั้นเราสติหลุดไปนิดหนึ่งเหมือนกัน แต่พอเพื่อนคนเกาหลีบอกว่า จะให้ไปด่าคืนไหมเพราะอีกฝ่ายเสียมารยาทกับเรามาก (เราไม่ได้ทำของเขาพังค่ะ แค่ไปโดนเฉยๆ) เรากลับบอกว่าช่างเถอะ แต่ก็อดด่าหลับหลังไปไม่ได้ จิตตอนนั้น มันวุ่นวายมาก ใจหนึ่งอยากจัดการไปยืนด่าซะเดี๋ยวนั้น ใจหนึ่ง พอๆๆ

    คืนนั้นเลยนั่งพิจารณาครู่หนึ่ง ทำให้เห็นตัวโทสะชัดเจนเลย ปกติถ้าความโกรธมันมีมาทีละนิดเราจะรับมือได้ แต่จากเหตุการณืนี้ มันมีไวมากจนเกือบทำให้ขาดสติ เป็นอารมณ์ที่หนักและน่ารังเกียจ และมันทำให้เรารู้ว่า เราไม่ผ่านตรงนี้ เพราะทุกอย่างมีเหตุและที่มา และสุดท้ายที่คิดคือ เขามาทดสอบขันติเรา ซึ่งกว่าขันติเราจะมาก็ผ่านไปเกือบชั่วโมง มันแย่มากๆจริงๆ

    สุดท้ายมาวันนี้ ตอนเช้าก็มาดูอารมณ์ตัวเองนะ ว่าจริงๆแล้วเราต้องหมั่นฝึกเมตตามากกว่านี้ค่ะ อีกทั้งพอพิจารณาในสมาธิ ก็พอเห็นว่าอีกฝ่ายก็เพื่อนร่วมโลกที่น่าสงสาร เราเองก็ผ่านมาถึงนี่แล้ว เราโชคดีกว่าที่ได้รู้จักพระพุทธศาสนา ในขณะที่เขาก็อาจจะช้าไปกว่าเรา เพราะในเมื่อโชคดีขนาดนี้แล้ว ก็ขอให้ทุกอย่างรอบตัวเป็นสภาวะธรรมไปทั้งหมดจะดีกว่า

    เป็นความรู้สึกที่บอกไม่ถูกนะ เมื่อวานออกจะช๊อคโลกขนาดนั้น แต่วันนี้เหมือนเป็นแค่ความฝัน และไม่รู้สึกโกรธอีกต่อไป

    แต่ต้องขอบคุณคนแขกคนนั้น ถ้าไม่มีเขา เราก็คงไม่รู้ว่าจริงๆเรายังอ่อนหัดมากจริงๆค่ะ ต้องฝึกต่อไป
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 8 เมษายน 2012
  10. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    ว่าแต่ว่า ผู้นี้คือ ???
    แหม๊! น่าอิจฉาครูเพ็ญจัง นิพพานทั้งครอบครัว ใครอยากรู้ก็ไปตามหาเคล็ด(ไม่)กันได้นะ ครูท่านนี้แสนล้านเก่ง จะบอกให้
    สังเกตดูหลานครูก็รู้แล้ว ถามเข้าไปได้เด็กอายุขนาดนี้ฯ
    ว่า....สุขมันอยู่ที่ไหน???
    เล่นเอาคุณแม่งงไปเลยสิ!
     
  11. Homealond

    Homealond เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    120
    ค่าพลัง:
    +476
    ภาพพุทธานุสติของเราเองค่ะ ทำไว้ระลึกเองเพราะเข้ากับจริตของเรา

    [​IMG]


    อนุโมทนากับทุกท่านผู้มุ่งเข้าสู่ภาวะวิปัสนานะคะ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  12. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    เอ๊ะ! นี่ก็ใครกันเนี๊ย! เหมือนเราจะเคยรู้จักกันนะ
    โหๆ นึกว่ามีหน้าใหม่เข้ามา...อิอิ
     
  13. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    นี่คุณ ipad iphone ipay i&you
    มาช่วยกันยกจิตไวๆ
    อย่ามัวนั่งอมยิ้ม อมสุขแต่ผู้เดียวนะ คนครึ่งค่อนประเทศเขากำลังเป็นทุกข์ทางใจกัน รีบๆมาช่วยกันก่อน ก่อนที่ภัยจะมาถึง ไวๆหน่อย
    เดี๋ยวฟ้องพ่อนะ พี่ภูเหนื่อยตับจะแล่บอยู่แล้ว งานก็เยอะ ไวๆเลย
     
  14. Kim_UoonSo

    Kim_UoonSo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    518
    ค่าพลัง:
    +5,937
    สวัสดีค่ะ
    เรารู้จักกัน แต่เราไม่รู้จักกันค่ะ ฮ่าๆ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 เมษายน 2012
  15. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    นี่เลย ท่านนี้สิ! ถึงจะรักสมเด็จพ่อจริงๆ
    แหม๊! รู้ใจจริงๆเลยนะ
    เพราะผมกำลังจะหารูปพระต่างๆมาให้พวกเรา พวกเขาก็คือ พวกเดียวกันนั่นแหล่ะ!
    นำมาให้จิตเกาะพระกัน จะเป็นพระองค์ไหนก็ได้ เลือกเกาะตามใจชอบ
    แต่ถ้าจิตเกาะพระกันได้แล้ว คอยสังเกตดูที่จิตเกิดปิติไหม?
    แต่ถ้ายัง นั่นก็แสดงว่าจิตยังเกาะพระไม่ได้
    ผู้ที่ฝึกทำใหม่ๆ จะต้องช่วยจิตกำหนดระลึกถึงพระช่วยจิตไปก่อน เพราะจิตยังไม่คุ้นเคย
    แต่เมื่อไหร่จิตคุ้นเคยแล้ว จิตจะจับพระของเขาได้เองเลย

    ลองปฎิบัติกันดูไปเรื่อยๆกันนะก่อนนะครับ
    เดี๋ยวจะมีเพื่อนมาช่วยแชร์
    แต่ถ้ามาแล้ว ช่วยบอกผมด้วยนะ
    ผมจะไป...อิอิ
     
  16. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    คืนนี้นอนหลับฝันดีนะ

    เอ๊ย! ไม่ใช่
    ผมจะพาคนที่หลงเข้ามาในกระทู้นี้ คือจะำพาดวงจิตไปพบพระพุทธเจ้ากัน
    สำหรับบางท่านเข้ามาอ่านกันใหม่ๆ จะรู้สึกว่ายังงง ว่าแก๊งค์นี้กำลังคุยอะไรกัน ทำไมมันแตกต่างกับกระทู้อื่นๆ

    จะขอบอกตามตรงกันตรงนี้ว่า นี่แหล่ะกระทู้นี้ตรงประเด็นที่สุดเลย
    ถามว่าท่านรู้สึกอย่างไรกับได้รับ ได้ฟังข่าวสารมากมาย ทั้งเป็นประโยชน์ และไม่ประโยชน์ก็ตาม
    ถามว่าท่านรู้สึกอย่างไร???
    เห็นไหม๊ ตอบไปกันคนละทิศละทางกันเลย
    บางท่านรับมาแล้วรู้สึกว่าจิตใจนั้นหดหู่ แต่สำหรับท่านอื่นรู้สึกว่าเฉยๆ
    นี่ไงอะไรคือ ต้นเหตุแห่งทุกข์ รู้สึกหดหูใจ หรือรู้สึกเฉยๆ

    และถามต่อไปว่า อะไรเป็นตัวรับรู้มาหล่ะ! และรู้สึกกันตรงไหน ที่ไหน
    (ตอบ)

    ที่ในใจของแต่ละคนใช่ไหม๊?
    เป็นไงหล่ะ! ไร้สาระกันไหม๊?
    ทีพวกเราทำอะไรไร้สาระกันทั้งนั้น หลงกาย หลงตน หลงคนอื่น หลงสิ่งอื่น
    อันนั้นบางท่านก็ยังไม่รู้ ยังไม่เข้าใจกันเลย
    มัวแต่รักตัว กลัวตายกันอยู่แบบนี้
    ต้องรอความตายมาถึงตัวกันก่อนใช่ไหม๊ ถึงค่อยมาเรียนรู้จิตใจของตน
    อย่าทำทองไม่รู้ร้อน อย่าเป็นหมูไม่กลัวน้ำร้อน อย่าเป็นคางคกยางหัวไม่ตกไม่รู้สึกตัวกันอย่างนี้ไม่เอานะครับ

    พวกเราเป็นคน เป็นมนุษย์กันนะ มิใช่ทอง ไม่ใช่หมู และก็ไม่ใช่คางคกด้วย
    เราขึ้นชื่อว่าเป็นสัตว์ประเสริฐ มีมันสมองเป็นเลิศกว่าสัตว์อื่นๆ หลายล้านเท่า
    เพราะฉะนั้นแล้วปัญญามีอยู่ด้วยกันครบทุกคนแล้ว แต่จะค้นหากันเจอหรือเท่านั้นเอง
    เราเป็นมนุษย์ผู้มีปัญญาเท่าเทียมกันหมด แต่เหตุฉะไหนจึงให้คนอื่นนำพาตนเองไปซ้ายที ขวาทีกันเล่า
    (ไหนบอกว่าตนเองฉลาดไง?)

    แต่ถ้าท่านใดทำอย่างนั้นก็ไม่แตกต่างกับ....(ที่อยู่กลางทุ่งนา) บางท่านตอบว่าชาวนาก็ปล่อยเขาไปเห่อ....

    ต่อไปนี้อยากเป็นมนุษย์ฉลาด เลิศด้วยปัญญาแล้ว เพราะฉะนั้นเราต้องมาเจริญสติภาวนากัน หรือทำสมาธิกัน หรืออะไรก็ได้ ที่ทำให้เราฉลาดขึ้นน่ะ

    แต่นาทีนี้วิธีอื่นอาจจะไม่ทันกินแล้ว เพราะภัยพิบัติมันกำลังจะกวาดบุคคลที่ไม่มีปัญญา หรือไม่มีศีลธรรม ซึ่งครูบาอาจารย์ท่านก็พร่ำเข้าไปเถอะไม่ฟังกัน
    ก็ต้องปล่อยให้ตกเป็นเหยื่อของเต่าและปลากันไป

    วันนี้จะมาบอกให้ทำภาวนาแบบง่ายกันก็คือ จิตเกาะพระ หรือจิตจำพระ
    คือการจับภาพพระในจิตของตนให้ได้ วิธีภาวนานี้แบบจัดอยู่ในประภท พุทธานุสสติกรรมฐาน และกรรมฐานนี้ไปพระนิพพานกันโดยง่ายดายยิ่งนัก
    เพราะด้วยจิตทรงสมาธิ ทรงฌานง่ายนี้เอง ก็เลยมีกำลังใจมากที่จะตัดกิเลสโดยเฉพาะต่ำได้เป็นอย่างดี ตัดกิเลสขนาดกลางชั่วคราว(สมถสมาธิ) หรือตัดกิเลสแบบถาวรด้วยปัญญา หรือวิปัสสนา
    ถามว่าใครเป็นผู้ตัดกิเลสของตน ขอตอบว่า สมาธิหรือฌานของจิตเรานี่เอง

    แต่ถ้าตราบใดจิตเรายังไม่เป็นสมาธิ หรือไม่ทรงฌานแล้ว เราก็ไม่รู้จะเอาอะไรไปละกิเลสของตนได้เลย จะอาศัยลำพังกำลังใจของตนเองที่มีอยู่ทุกวันนี้นั้น มันไม่เพียงพอ

    จิตเกาะพระนี่แหล่ะ!
    ไวที่สุด(จิตทรงสมาธิ จิตทรงฌาน)
    เหมาะสมทุกสถานการณ์ที่สุด(เพราะถ้าเกิดภัยพิบัติขึ้นมากันจริงๆ เราจะหนีตายกันก็จะมีแค่กายและจิตเท่านั้นที่จะไปกับเราด้วยทุกที แต่ถ้าจิตเราจำพระได้แล้ว เราก็จะมีที่พึ่ง ถึงเราไม่ยังไม่ตายเราก็มีความสุขใจ แต่ถ้าเราตายไปเราก็ไปจุติที่ดี หรือไปสุคติภูมิ สรุปแล้วจิตเกาะพระได้ตลอดเวลานี้มีประโยชน์ทั้งขึ้น ทั้งล่องกันเลยทีเดียว)
    สะดวกทั้งเวลาและสถานที่ที่สุด สะดวกเวลาคือสามารถทำตอนไหนก็ได้ ทำเดี๋ยวนี้ ทำที่ลมหายใจนี้เท่ากับเราทำภาวนากันเลย จะชอบแบบหลับตาทำก็ได หรือลืมตาทำก็ได้ เพื่อนนั่งคุยในห้องเรียน ในห้องทำงาน โรงทานอาหาร หรือขณะเคี้ยวอาหาร เราไปทิ้งเวลาเปล่าประโยชน์กันทำไม แค่นึกถึงพระแค่นี้เอง ง่ายจะตายไป
    สำหรับบางท่านระลึก นึก คิดถึงพระอย่างไร ก็ให้ทำเหมือนเราคิดถึงพ่อแม่ หรือคิดถึงแฟน คิดถึงเพื่อน แต่ให้เราจำหน้ากันให้ได้ด้วยนะ

    ขอทิ้งเกล็ดเล็กๆน้อยแต่เพียงเท่านี้ก่อนนะ เดี๋ยวไปฟังคนอื่นๆพูดมั่ง
    ไม่ใช่จขกท. ก็ไม่เป็นไร ใครๆก็พูดได้ มาแชร์กันนะ เพราะกระทู้นี้เปิดใจกว้าง (ใจกว้างนะ ขอย้ำ) รับทุกข้อคิดเห็น ต่อว่า ตำหนิติเตียนผมได้หมด
    เพราะผมจะได้เช็คว่า ผมยังมีความโกรธ อัตตา หรือมานะกันอยู่ไหม๊
    ผู้ปฎิบัติธรรทุกท่านก็ลองเช็คกันได้ว่า จิตของเราเข้าถึงธรรมะหรือยัง ทดสอบง่ายๆก็คือ ลองให้เพื่อนข้างๆกาย ด่าว่าเราเสียๆหายดูกันมั่งสิ ว่าจิตของเรานั้นสอบผ่านหรือเปล่า

    แต่ถ้าผู้ปฎิบัติฝึกฝนจิตมาดี ก็จะรับรู้อะไรก็จะเฉยๆ เฉยนี่ไม่ใช่ทึ่มแบบปัญญาอ่อนนะ เฉยนิ่งรู้อยู่ภายใน แถมจิตใจมีแต่สุข อิ่มเอิบใจอยู่ภายในจิตเสียอีกด้วย
    นี่ไงหล่ะ เมื่อจิตไม่มีความรู้สึกทุกข์ใดๆแล้ว แม้นแต่ภัยพิบัติเกิดขึ้นกันจริงๆ
    เราก็รอดเพราะเรามีสติ รอดทั้งโลกนี้ และโลกหน้า
    ขอจิตของเราดีตัวเดียวเท่านั้นเอง นอกนั้นก็จะดูดีไปหมด
    เหมือนตอนนี้ ผมขอยกตัวอย่างจิตของตนเองก็ได้ว่ารู้สึกอย่างไร
    จะบอกให้ก็ได้ ปกติจิตผมมักชอบทรงฌานต่ำ(ฌาน1)อยู่เสมอๆ จิตทรงฌานของเขาเองนะ ผมแทบไม่ต้องไปทำอะไร เพราะจิตผมเกาะพระได้แนบแน่นแล้ว ผมจะบอกให้ว่าจิตที่กำลังทรงฌานอยู่นี้ นั่งพิมพ์ธรรมะอยู่นี้
    นั่งพิมพ์เป็นชั่วโมงๆแล้วก็ยังไม่เหนื่อย ธรรมะไม่รู้ว่ามันผุดออกมาจากที่ใด
    และไม่มีวันจะหมดได้เลย ผมนั่งพูดธรรมะทั้งคืนก็พูดได้นะ แต่ถ้ามีคนฟัง
    เหตุที่จิตทรงฌานต่ำนั้นเพราะ กายต้องทำงานอยู่กับโลกเหมือนท่านๆทุกคนนี่แหล่ะ แถมจิตมีสติสัมปชัญญะดีกว่าคนอื่นๆอีกด้วย
    เผลอไปได้ยิน ได้รู้ความนึกคิดของคนอื่นได้อีก (แต่มิได้ไปสนใจฟังใครจะว่าหรือนินเราหรือคนอื่นหรอกนะ เพราะเขานินทาผมอยู่ในใจผมก็รู้ แต่ไม่ไปสนใจเท่านั้นเอง เพราะจิตตัวใหม่นี้มันปฎิเสธฝ่ายบาปไปหมดแล้ว)
    หายใจนิดเดียวก็อิ่ม รู้ทุกอิริยาบถด้วยแทบไม่น่าเชื่อเลย ทั้งๆที่ก็ไม่ได้ไปทำสมาธิที่ไหนเลยนะ
    นี่ไงครับผมถึงอยากชักชวนให้พวกเราทำกันเยอะ ก็เพราะด้วยเหตุผลหลักนี้ก็คือ จิตทรงสมาธิได้ตลอดเวลาเลย มันเป็นไปได้อย่างไร
    ลองไปถามๆท่านในกระทู้นี้กันนะครับว่าผมพูดมาทั้งหมดนี้จริงหรือเปล่า
    หรือลองไปพิสูจน์ด้วยตนเองก็ได้นะ อย่าเพิ่งเชื่อผม

    เรื่องนี้พอพูดไปแล้ว มีประโยชน์มากจริงๆ

    ขอจบเพียงเท่านี้ก่อน แต่ถ้าพิมพ์ตกหล่นขออภัยมาณ.ที่นี้ด้วย เพราะขณะที่กำลังพิมพ์อยู่นี้ จิตทรงฌาน พิมพ์แทบไม่ทันจิต เพราะจิตรู้ไวมาก นี่จิตรู้100% แต่ผมพิพ์สื่อมาได้แค่ 75-80% เองนะ เพราะพิมพ์ไม่ทัน

    ขอบพระคุณครับ
    (บ่นธรรมะ บ่นแบบไม่มีสคลิป)
     
  17. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    ขอชม และขอโมทนาด้วยครับ
    เห็นรึยังว่าความโกรธคนเรานั้นระงับยากที่สุดในจำนวนกิเลส และเกิดขึ้นกับเราบ่อยมาก จนเราจำไม่ได้แล้วว่า เดือนนี้ อาทิตย์นี้ วันนี้เราได้โกรธใครไปกี่ครั้งแล้ว และนี่คือบ่อนทำลายจิตของตนเองโดยมิรู้ตัว และซึ่งจัดเป็นฝ่ายบาปด้วย มิใช่ฝ่ายบุญ หรือกุศลอีกด้วย แล้วอย่างนี้คนที่ไม่ฝึกภาวนา
    หรือจิตเกาะพระ
    (แฮ่ะๆ โฆษณาอีกแร๊ะ)

    แต่ถ้าจิตเราฝึกมาดีนะ ก็จะรู้ตัวเร็วและจะหายโกรธเร็ว แต่ถ้าไม่ฝึกกันเลยนะ บางท่านความโกรธยังคงค้างติดใจอยู่หลายวัน บางท่านเป็นเดือน เป็นปี โกรธข้ามปีกันนะครับ

    แต่สำหรับนักภาวนา (อาชีพภาวนา)จะไม่ให้ความสนใจกับกิเลสหยาบตัวนี้เลยนะครับ เพราะถือว่าเป็นการทำผิดศีลละเอียด เพราะไปเบียดเบียน หรือทำจิตของตนให้เศร้าหมอง มัวหมอง นั่นเอง

    โดยปกติสำหรับผู้ไม่ได้ฝึกฝนจิตกันมาเลย ไม่มีทางจะตามทันหรือ ยากที่จะทำใจได้ หายโกรธทันทีทันใดก็ทำไม่ได้ ทั้งๆที่รู้ตัวนะ

    แต่คุณก็เก่งนะ ที่ผ่านมาได้ โกรธแค่ชั่วโมงเดียว...อิอิ (น่าจะสัก15 นาทีนะ...อิอิ) คอยสังเกตดูนะว่า ถ้าวันไหนจิตมีอารมณ์โกรธมากๆแล้ว ทั้งวันเราจะแทบไม่มีความสุขเลยเห็นไหม๊ครับ...
    บอกแล้วฝึกกันซะนะ แล้วจะหาว่าไม่เตือนกัน
     
  18. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    สมเด็จองค์ปฐม

    พระองค์นี้แหล่ะ!
    ที่อยู่ในใจของผมทุกวัน ทุกเวลา
    ครั้งแรกผมไม่ได้รู้จักสมเด็จองค์ปฐมเลย รู้จักแต่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน ตอนแรกผมก็เลือกจับพระพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน
    แต่พอนานไปจิตดันไปเปลี่ยนยังไงไม่ทราบ จิตไปเกาะพระสมเด็จองค์ปฐมแทน (ที่วัดซุงหลวงพ่อฤาษีลิงดำ) ก็เลยตามจิตของตนนับตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา
    แต่ณ.ขณะนี้ จิตผมไม่ได้มองเห็นสมเด็จองค์ปฐมเป็นสีขาวอีกต่อไปแล้ว เพราะสมเด็จองค์ปฐมท่านกลายเป็นดุจแก้วใสประกายพรึก(สีรุ้ง) ท่านทรงเครื่องมหาจักพรรดิประดับเพชรดูสว่างไสวมาก (แต่ถ้าดูด้วยตาเนื้อ ตาบอดแน่ๆ เพราะแสงเพชรนี้เอง) แลดูท่านเป็นหนุ่ม รูปหล่อมาก พระวรกายสุกใสดั่งแก้วมีแสงระยิบระยับ ท่านมีพระเมตตาสูงมาก เพราะท่านชอบอมยิ้ม
    (ขอเล่าเพื่อเป็นธรรมาทานเพียงเท่านี้ฯ เพราะอยากให้ผู้ปฎิบัติมีกำลังใจกัน)
    มิได้มีเจตนานำมาเล่าอวดกัน (ขออนุญาตทุกท่านมาณ.ที่นี้ด้วย)

    ที่จิตทรงฌานตลอดเวลา บางวันจิตทรงฌานสูงไป ต้องคอยถอยฌาน
    นักภาวนาท่านอื่นๆ อย่าอิจฉาผมนะครับ เพราะฌานนี้นักภาวนากำลังวิ่งตามหากันอยู่ทุกวันนี้
    เพราะโดยปกติแล้ว จิตจะทรงฌานยากมาก นักภาวนาคงจะทราบกันดี
    ครั้งที่ผมยังไม่ได้พบพระในจิต ใช้อานาปานสติเคยได้แค่ฌาน3 เพราะทำครั้งแรกแบบไม่รู้ว่านี่เราเป็นอะไรเท่านั้นแหล่ะ เพราะว่าลมหายใจไม่ แค่เกิดสงสัย และควานหาลมหายใจตนเอง ฌานก็เลยถอยเลย
    ผมอยากจะบอกผู้ปฎิบัติที่ยังไม่เคยได้ฌานกันนะว่า คอยไปศึกษาตำรากันให้ดีก่อนทำสมาธิ เพราะเมื่อท่านนั่งหลับตาไปแล้ว ท่านจะแก้ปัญหาไม่ได้เลย
    อ่านตำราให้เข้าใจก่อนจึงลงมือปฎิบัติ
    และเข้าฌานได้เพียงครั้งเดียวนับตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา
    พอวันหน้าอยากจะเข้าฌาน ก็เข้าไม่ได้แล้ว เพราะขาดการต่อเนื่องนี่เอง
    เพราะฌานนี้ไม่เที่ยง สตินี้ก็ไม่เที่ยง แม้นกระทั่งจิตเราก็ไม่เที่ยง สรุปแล้วไม่มีอะไรเที่ยงแท้แน่นอน
    แต่ถ้าผู้ใดไปยึดของไม่เที่ยง สิ่งไม่เที่ยงกันแล้ว ก็จะมีแต่นำความทุกข์มาสู่ใจตนเองเท่านั้น

    เพราะฌานนี้แหล่ะ! ที่ช่วยตัดกิเลสหยาบ กลาง ละเอียดให้ผมทุกวัน
    ยิ่งจิตทรงฌานนานเท่าไหร่ จิตก็นิ่งนานเท่านั้น จิตก็ละเอียดมากขึ้นเท่านั้น
    อย่าลืมกันนะ จิตทรงฌาน จิตนิ่ง จิตละเอียดนี้เป็นฝ่ายบุญ เป็นฝ่ายกุศล
    เพราะในระหว่างที่จิตทรงฌานก็เหมือนเราจำศีล คือเราไม่ไปสร้างกรรมกับผู้ใดเพิ่ม ผู้อื่นก็ไม่มาสร้างกรรมร่วมกับเราด้วย นี่เป็นการตัดบ่วงกรรม วงจรกรรมได้เป็นอย่างดี สังเกตดูคนที่จิตไม่ค่อยจะนิ่ง หรืออยู่เฉยไม่เป็น ก็มักแต่จะไปหาเรื่องเข้ามาใส่ตน เพราะจิตตก หรือจิตไปตามกิเลสฝ่ายต่ำโดยมิรู้ตัว และเราก็หลงไปทำตาม พูดตาม คิดตาม หรือจิตไปตามกระแสโลก
    และท้ายที่สุดแล้วเป็นไง! เราสิ!ที่หนีทุกข์ไม่พ้น เพราะเราไปปล่อยปละละเลย หรือไม่สนใจจิตของตนเอง นั่นเอง

    แต่ถ้างานไม่ยุ่งมาก ผมชอบนั่งเฉยๆ พักเดียวจิตจะดิ่งลึกลงไปเองเลย
    จิตทรงสมาธิ หรือทรงฌานนี้ดีมากๆ เพราะไม่รู้สึกว่าเป็นทุกข์ เป็นร้อนอะไรกับใครที่ไหน

    พระอริยเจ้าท่านก็เหมือนกัน ยามปกติพอไม่มีญาติโยมมาเยี่ยม ท่านมักทรงฌานทันที(จำศีล) จิตทรงฌานนี้เหมือนนำจิตตนเองไปพักผ่อน สังเกตดูได้จากผู้ที่เคยได้ฌานลึก เช่น ฌาน4 อาการหูจะดับ(ไม่ได้ยินเสียงภายนอก)
    คำภาวนาหายไป ลมหายใจหายไป(แต่จริงๆแล้วเรายังคงหายใจอยู่นะ แต่มันเบามาก เพราะเมื่อจิตละเอียด กายก็ละเอียดตามไปด้วย)

    สำหรับพระเกจิ หรือพระอรหันต์ ท่านจะพักจิตโดยการเข้านิโรธสมาบัติ หรือการเข้าไปดับสัญญากับเวทนา หรือเรียกกันว่า สัญญาเวทยิตนิโรธ ถือเป็นสมาธิขั้นสูงสุดของพระพุทธศาสนา
    สำหรับผู้จะทำกันได้นั้น อย่างน้อยต้องจิตระดับอนาคามี หรือท่านที่ได้ฌาน8(สมาบัติ8) ถึงจะสามารถทำกันได้ (พูดตามตำรากันนะ)
    แต่ผู้เขียนไม่พูดดีกว่าฯ จบ...

    ลักษณะของจิตเกาะพระได้โดยอัตโนมัติ
    จิตจะทรงฌานสูงได้โดยอัตโนมัติเช่นกัน มิใช่แค่เพียงจิตเป็นสมาธิง่ายเท่านั้น ตามที่ผมเคยพูดไปก่อนหน้านี้แล้ว ไม่อยากโฆษณา เพราะของดีไม่ต้องโฆษณากันมาก เพราะคุณภาพมีอยู่ในตัวอยู่แล้ว
    ทั้งๆที่กายภายนอกก็อยู่เฉยๆเองนะ ผมไม่ได้ทำอะไรเลย
    แต่ถ้าเป็นภาษาเครื่องบินเขาเรียกว่า
    "Auto Mode", "Auto takeoff", "Auto landing"

    TheEnd
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  19. watta chan

    watta chan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    71
    ค่าพลัง:
    +586
    ชอบกระทู้นี้จัง กำลังรวบรวมข้อมูล มาต่อกรกับคุณภู 5 5
     
  20. kun_p

    kun_p สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2012
    โพสต์:
    1
    ค่าพลัง:
    +6
    ""

    ขออนุญาตสอบถามหน่อยค่ะ เป็นน้องใหม่ในบอร์ดนี้ อยากทราบว่าสำหรับคนที่ได้เข้าฝึกสมาธิและปฏิบัติธรรมนั้น โอกาสที่เขาจะเกิดจิตที่แปรปรวนนั้นเป็นได้มากน้อยแค่ไหนคะ คือพอดีคนที่เรารู้จักเขาเป็นคนที่รักในการทำบุญและนั่งสมาธิมากเลยล่ะค่ะ แต่เราก็ยังเห็นเขาชอบนินทา และยังว่าบุพพการีด้วยเลยอยากทราบว่าที่เขาเป็นอย่างนี้เป็นเพราะอะไรคะ จิตที่ได้จากการปฏิบัติธรรมเราสามารถแยกออกจากการใช้ชีวิตประจำวันได้ด้วยหรือ คือเราเข้าใจว่าเมื่อเราปฏิบัติะธรรมแล้ว เราก็จะน้อมเอาธรรมเข้ามาในใจในการดำรงชีวิตของเราน่ะค่ะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...