สรุปทริปเขาวง ถ้ำนารายณ์ และ ถ้ำดาวเขาแก้วมวกเหล็ก

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย kananun, 22 กุมภาพันธ์ 2007.

  1. MOUNTAIN

    MOUNTAIN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    15,035
    ค่าพลัง:
    +132,086
    [​IMG] [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 3e39scd.jpg
      3e39scd.jpg
      ขนาดไฟล์:
      58.7 KB
      เปิดดู:
      137
  2. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,134
    ค่าพลัง:
    +62,441
    Zoom ดูชัดๆครับ..เป็นแสงสว่างปรากฎตรงหัวใจท่านพอดีเลยครับ..สาธุ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • amazing.jpg
      amazing.jpg
      ขนาดไฟล์:
      48.4 KB
      เปิดดู:
      102
  3. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    มาเล่าต่อครับ

    -หลังจากที่พวกเราชมถ้ำนารายณ์กันสมควรแก่เวลาแล้ว

    -พวกเราก็ได้โอกาสที่จะไปกราบนมัสการหลวงตาวัชรชัยท่าน เป็นเวลาที่เหมาะมากๆ เนื่องจากไม่มีผู้อื่น มีเพียงคณะของเราเท่านั้น ต้องขอบคุณคุณพี่จ๊ะของเรามากๆ

    พอได้พบหน้าพวกเราท่านก็บอกว่า แค่เห็นก็รู้แล้วว่าพวกเราเป็นลูกศิษย์หลวงพ่อฤาษีลิงดำ ดังนั้นท่านจะคุยด้วยแบบเปิดหมด ไม่มีอะไรปิดบัง ท่านได้เมตตาสอนธรรมมะ ให้กับพวกเราในหลายๆอย่าง

    คณะพลาธิการของเราเป็นต้นบุญถวายสังฆทานใหญ่ มีพระประธานหน้าตัก สามศอก และกลุ่มพวกเราร่วมบุญด้วยทั้งหมด มีการถวาย ซีดี ธรรมมะเอ็มพีสาม และซีดี โทษละเมิดพระวินัย ที่ ทีมไรท์ซีดี ของพวกเราได้ร่วมมือกันจัดทำขึ้น รวมเป็นสังฆทานที่สมบูรณ์ บริบูรณ์ทั้งพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ขออานิสงค์นี้จงมีแด่ชาวเวบพลังจิตและ กลุ่มพลังจิตพิชิตภัยพิบัติ ทุกๆ ท่านด้วยครับ สาธุ....

    ธรรมมะที่หลวงตาท่านเมตตาสอน
    -การพิจารณาความตายในทุกวัน ให้คิดว่าเราจะตายในวันนี้เพื่อความไม่ประมาทในการทำความดี

    -การค่อยๆชำระความชั่ว กิเลส ออกไปจากจิตใจไปทีละน้อย เพื่อให้ความเป็นทองคำปรากฏขึ้น

    -ท่านได้เมตตาคุณ เปิ้ล ถาวร เป็นพิเศษในการปฏิบัติด้วย
     
  4. thavornsiripat

    thavornsiripat สิ่งใดไม่เปลี่ยนแปลง ไม่มี เป็นธรรมดา เช่นนั้นเอง

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    2,072
    ค่าพลัง:
    +13,918

    ผมตามไม่ทันจริงๆคร๊าบ สงสัยต้องให้ทุกท่านเคาะกบาล เผื่อดินหลุดเห็นเนื้อเป็นทองอย่างหลวงตาท่านเมตตาครับ (b-oneeye)
     
  5. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    หลวงตาวัชรชัย ท่านได้ให้โอวาสไว้ดีมากครับ ทุกวันนี้ผมจึงจำไว้เป็นคติประจำใจของผมเลยทีเดียว

    ..ท่านว่า..

    .."ถึงแม้ว่าเราจะยังไม่มีดีอะไรเลย..ไม่มีคุณวิเศษอะไรเลย..เป็นแค่ขี้ไก่เท่านั้นเอง แต่ถ้าศีลของเราบริสุทธิ์ดีอยู่สม่ำเสมอ นับตั้งแต่วันที่เราได้ตั้งใจรักษาศีลมาแล้ว ต่อให้ใครมาสอบสวนก็ตาม (เบื้องบนนับจากพระนิพพานลงมาถึงเทวดาชั้นจาตุม ตรงกลางคือมนุษย์และสัตว์เดรัจฉาน ตลอดเรื่อยลงไปเบื้องต่ำจนถึงโลกันตนรก) ก็ไม่มีใครจะมาปรับโทษเราได้เลยเรื่องศีลนี้"..

    ดังนั้น..ผมจึงจำไว้ว่า

    "แม้เราจะเป็นเพียงขี้ไก่ ไม่มีอะไรดีเลยก็ตาม แต่ก็จะขอมีดีอยู่ที่ศีลบริสุทธิ์ ไว้เป็นความภาคภูมิใจสักอย่างเถอะวะ"

    ...
     
  6. piakgear24

    piakgear24 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    2,696
    ค่าพลัง:
    +44,505
    โมทนากับคำสอนของหลวงตาวัชรชัยที่ผ่านมาทางเพื่อนๆครับ
    เป็นกำลังใจอย่างมากสำหรับผมและหลายๆคนที่ยังเป็นขี้ไก่อยู่ครับ
    แล้วผมจะจำใส่หัวเอาไว้ครับ
     
  7. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    พอได้กราบหลวงตาและทำบุญกับท่านแล้ว เราก็ออกจากถ้ำนารายณ์มาประมาณบ่าย 2 โมงกว่าๆ เดินทางต่อไปที่ อ.มวกเหล็ก ไปวัดถ้ำดาวเขาแก้วต่อครับ

    พอถึงมวกเหล็กคุณคณานันท์ กับคุณ Thavornsiripat ก็ขอตัวกลับก่อน พอดีมีรถตู้ไปอนุสาวรีย์ชัยฯจอดอยู่พอดี

    พวกเราที่เหลือก็เดินทางไปถึงวัดถ้ำดาวเขาแก้วประมาณบ่าย 3-4 โมงนี่มั๊ง
    พอถึงก็มีผู้ปฏิบัติธรรมท่านหนึ่งพาขึ้นไปบนเขาเข้าไปในถ้ำ

    ทางขึ้นถ้ำมีบันได 162 ขั้นให้เดินขึ้นไปจากตีนเขา พอถึงใกล้ๆปากถ้ำก็จะสัมผัสถึงลมเย็นๆและสดชื่นพุ่งออกมาจากในถ้ำมาปะทะที่ตัวพวกเราอยู่ตลอดเวลา จากนั้นพวกเราก็ไปกราบขออนุญาตเจ้าถ้ำ ซึ่งอยู่ในศาลเจ้าหน้าปากถ้ำ เพื่อขออนุญาตเข้าไปชมถ้ำ

    เสร็จแล้วก็เข้าไปในถ้ำ ภายในถ้ำจะมีหลายส่วน คล้ายๆจะเป็นห้องๆ ห้องแรกเปรียบเสมือนห้องรับแขก จะเป็นถ้ำขนาดไม่ใหญ่มากนักน่าจะกว้างประมาณ 6-8 เมตร ยาวซัก 8-10 เมตรกระมัง ประดิษฐานพระประธานและพระพุทธรูปหลายองค์ มีรูปพระอาจารย์ประทวนขนาดใหญ่ด้วย มีสมเด็จโต มีพระประจำวันเกิด มีรูปปั้นพญานาคแช่อยู่ในอ่างน้ำขนาดต่างๆกันหลายตัว และก็มีพระฤาษีด้วย พวกเราก็ไปกราบขออนุญาตจุดนี้เป็นจุดที่ 2
    [​IMG]

    จากนั้นก็เดินเข้าไปต่อในส่วนถัดไปของถ้ำ ลึกเข้าไปอีกประมาณ 10 เมตรก็จะมีหินย้อยที่ย้อยลงมาจนถึงพื้นถ้ำ ขนาดใหญ่ ลักษณะเหมือนเสา หลายๆต้น ที่เสาหินย้อยต้นหนึ่งมีลักษณะพิเศษท่านได้นำพระประธานมาประดิษฐานไว้อีกจุดหนึ่ง เรียกว่าพระประธานกลางถ้ำ
    [​IMG]
    หน้าพระประธานท่านได้เทพื้นปูกระเบื้องไว้ เหมาะสำหรับเดินจงกลม นั่งสมาธิ และนอนก็ได้ครับ พวกเราก็มากราบพระและอธิษฐานขออนุญาตอีกเช่นเดิมครับ

    ไม่ว่าจะกราบขออนุญาตที่จุดไหนก็ตามผมจะอธิษฐานเสมอว่า "พวกข้าพเจ้ามาที่นี่ เพื่อมาขอพบคุณวิเศษที่มีในพระพุทธศาสนา ดังนั้นสิ่งใดดี สิ่งใดวิเศษที่สถิตย์อยู่ในที่แห่งนี้ ก็ได้โปรดเปิดให้ข้าพเจ้าได้ชม ได้สัมผัสได้ด้วยอายตนะทั้ง 5 และด้วยกายนี้ด้วยเถิด และหากมีสิ่งใดที่สมควรแก่พวกข้าพเจ้าและเป็นของพวกข้าพเจ้าคนใด ก็ขอได้โปรดมอบให้แก่พวกข้าพเจ้ากับมือด้วยเถิด" (อันนี้มีคนเขาแนะนำให้ผมอธิษฐานแบบนี้นะครับ)

    บริเวณพระประธานกลางฯนี้จะยาวประมาณ 10 เมตร กว้างประมาณ 6 เมตร
    ท้ายๆถ้ำจะมีช่องอุโมงค์เล็กๆพอลอดผ่านทะลุไปอีกถ้ำหนึ่งได้ครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 กุมภาพันธ์ 2007
  8. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    อุโมงค์เชื่อมต่อระหว่างถ้ำแรกกับถ้ำที่ 2 นั้นจะมีลมเย็นๆพุ่งออกมาจากฝั่งโน้นอยู่ตลอดเวลา ทำให้รู้สึกเย็นสดชื่นมาก พวกเราก็ค่อยๆลอดเข้าไป ไปโผล่อีกถ้ำหนึ่ง ซึ่งใหญ่กว่าถ้ำแรกประมาณ 2 เท่าตัว และยาวกว่า 3 - 4 เท่าตัว

    เดินไปทางซ้ายมือก็จะมีรอยพระพุทธบาทอยู่
    [​IMG]
    เลยไปอีกหน่อยก็จะเป็นลานกว้างจุคนได้หลายร้อยคน ที่ท่านใช้ปฏิบัติธรรมในงานปริวาสกรรม ที่จัดขึ้นทุกปี ในช่วง 20-29 เมษายน ของทุกปี บริเวณนี้เองจะมีพระประธานองค์เล็กๆประดิษฐานอยู่ แต่ท่านกำลังจะสร้างพระประธานขนาดใหญ่มาประดิษฐานไว้บริเวณนี้

    ทางซ้าย เลยไปอีกหน่อยก็จะเป็นบริเวณที่ประดิษฐานรูปปั้นพระฤาษี 5 ตนอยู่ ท่านบอกว่าตรงบริเวณนี้เองจะเป็นทางเชื่อมต่อระหว่างมิติของมนุษย์และเมืองลัลแล หรือทางโน้นท่านเรียกว่าชาวบังบด จากการสนทนากับพระในวัดรูปหนึ่งในภายหลัง ท่านเล่าให้ผมฟังว่า ถ้าอยากจะทดสอบจิตของตัวเองให้ไปนั่งสมาธิบริเวณหน้าพระฤาษีนี่แหละ ท่านว่า พอจิตสงบก็จะได้ยินเสียงคนเดินผ่านไปผ่านมาเหมือนมีเป็น 10 คนเลย แต่พอลืมตามาดูก็ไม่มีใคร
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 กุมภาพันธ์ 2007
  9. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    พอเดินมาทางขวามือก็จะมีกองหินกลมๆที่ลักษณะเหมือนกับนาคนอนขดตัวเป็นวงอยู่
    [​IMG]

    เลยไปหน่อยจะเป็นหินงอกที่มีลักษณะเหมือนรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิม และเลยไปอีกจะเป็นบริเวณที่ผนังถ้ำเป็นหินสีเหลืองที่ใสเหมือน Crystal เวลาส่องไฟฉายไปแนบกับผนังถ้ำจะเห็นว่าแสงไฟกระจายออกลงไปในผนังเหมือนเราส่องไฟลงไปในแก้วใสอะไรแบบนั้น ดังนั้นถ้ำนี้จึงได้ชื่อว่าถ้ำแก้ว หรือเขาแก้ว
    แต่ที่เรียกว่าถ้ำดาว-เขาแก้วเพราะพื้นเพดานถ้ำจะมีหินงอกออกมาลักษณะเหมือนมีดาวประดับอยู่บนเพดาน เป็นระยะๆทั่วทั้งผนังถ้ำเลยทีเดียว
    [​IMG]

    ถัดมาอีกหน่อยจะเป็นบริเวณที่ผนังถ้ำมีความระยิบระยับเหมือนมีประกายเพชรอะไรทำนองนั้น (แต่เป็นบริเวณเล็กๆเอง)

    ความยาวของถ้ำส่วนนี้น่าจะ หลายสิบเมตรนะ ไม่ต่ำกว่า 30 เมตรกระมัง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 กุมภาพันธ์ 2007
  10. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    สาธุขอโมทนากับคุณชยุต ในการถ่ายทอดธรรมให้เพื่อนๆทุกท่านครับ
    ทริปต่อๆไปคงต้องอัดเทปกันบ้างแล้ว จะได้เก็บเนื้อความได้หมดครับผม
     
  11. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    คืนแรกที่เราไปพักกัน ผม คุณพรหมประกาศิต และคุณเช้าใหม่นอนในถ้ำ บริเวณหน้าพระประธานกลาง

    คุณคนกิเลสหนา คุณกิ๊ก และคุณแจงนอนนอกถ้ำที่เรือนพักที่ท่านจัดไว้ให้

    ผมก็ขอสารภาพว่ามันกล้าๆกลัวๆปนๆกันอยู่ รู้สึกดีใจที่ได้มาอยู่ มานอนที่ถ้ำนี้ด็ดีใจ แต่ก็กลัวจะเจออะไรแปลกๆมากๆก็กลัวอยู่ (เพราะที่ถ้ำนี้เป็นที่รู้กันว่ามีสิ่งศักดิ์สิทธิ์อยู่เยอะมากๆครับ รวมถึงใต้ภูเขานี้ก็เป็นเมืองพญานาคด้วยครับ) จึงนอนไม่หลับทั้งคืนเลยครับ ส่วนคุณเช้าใหม่กับคุณพรหมประกาศิตดูเหมือนจะนอนหลับได้เป็นปกติครับ

    ในส่วนของความเป็นทิพย์ที่สัมผัสได้นั้น ตัวผมเองมีภูมิจิตไม่ถึงขั้นนั้น ต้องรอให้คุณกิ๊ก คุณแจง และคุณคนกิเลสหนาเข้ามาเล่าให้ฟังครับว่าได้สัมผัสอะไรบ้างครับ เห็นว่าคุณแจงถูกพาไปเที่ยวทั้งคืนเลยนี่ครับ แทบไม่ได้นอนเลย จนต้องขอกลับว่างั้นนะครับ

    แต่ที่แน่นอน และสัมผัสได้จริงๆแทบทุกคนก็คือ การนั่งสมาธิในถ้ำนั้น มันทำให้สงบได้ดำดิ่งและล้ำลึกกว่านอกถ้ำมากมายนัก บอกไม่ถูก แต่มันสงบ มันเยือกเย็น มันรู้สึกดีๆไงไม่รู้นะครับ

    คืนที่ 2 เหลือพวกเราอยู่ 3 คนคือคุณเช้าใหม่ ผม และคุณพรหมประกาศิต ที่เหลือกลับไปแล้ว เราก็ยังนอนกันที่หน้าพระประธานกลางอยู่

    คืนที่ 3 เหลือผมกับคุณพรหมประกาศิต เราก็นอนที่หน้าพระประธานกลางเหมือนเดิมครับ

    คืนที่ 4 คืนสุดท้าย เราเลยแยกกันนอน ผมเข้าไปนอนคนเดียวหน้าพระฤาษี ที่อยู่อีกถ้ำหนึ่ง แต่คืนสุดท้ายนี้ไม่ค่อยกลัวแล้วครับ ก่อนนอนก็นั่งสมาธิก่อน โอ้โฮ...เยี่ยมยอดเลยครับ

    เสียดายนะที่บริเวณหน้าพระฤาษีเขาไม่อยากให้เราถ่ายรูป เห็นบอกว่าอาจจะเจออะไรเข้าว่างั้นนะ
     
  12. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    ในระหว่างที่อยู่ที่วัดถ้ำดาวเขาแก้ว ได้มีโอกาสสนทนากับพระอาจารย์ประทวนอยู่บ้าง

    ช่วงแรกพวกเราก็ไปขอคำชี้แนะจากท่านเรื่องการปฏิบัติธรรม ว่าทำไมไม่ค่อยก้าวหน้าเลย ท่านก็ว่ากรรมยังมีอยู่มาก จะให้จบในชาตินี้คงยังไม่ได้หรอก ให้ทำไปเรื่อยๆไม่ต้องย่อท้ออะไรทำนองนี้ และให้ทำอย่างที่ทำอยู่นี่แหละ แต่ให้จำหลักไว้ด้วยว่า

    "เมื่อจิตไหล ก็ให้รู้ ดูที่จิต
    เมื่อจิตคิด ก็ให้รู้ ดูเข้าไว้
    เมื่อจิตเผลอ ก็ให้รู้ ดูเข้าไป
    ผลสุดท้าย เหลือแต่รู้ กูไม่มี"

    และมีช่วงหนึ่งที่เราเรียนถามท่านถึงเรื่องภัยพิบัติ ท่านก็ว่า

    .."ภายในปี 2550 นี้ น่าจะมีอะไรร้ายแรงปรากฎให้เห็นบ้างแล้วหละ"..

    เมื่อเราถามว่า "มันพอจะมีทางไหนช่วยได้บ้างไหมครับ"

    ท่านก็ว่า..

    .."มันเป็นไปไม่ได้หรอกโยม..เพราะพลังมันต่างกันมาก เอาแค่ประเทศไทยประเทศเดียวมีคนช่วยอยู่แค่ 3 แสนคน (มีพระอยู่ประมาณ 3 แสน แต่คนทั้งประเทศมี 63 ล้านคน แล้วทั้งโลกอีก 6 พันล้านคน) มันเหมือนแสงหิงห้อยกับแสงพระอาทิตย์..แต่ยังไงพวกเราผู้ปฏิบัติธรรมอยู่นี่ ก็ได้ช่วยอยู่แล้ว ช่วยมาตลอดเท่าที่ทำได้"..

    อะไรทำนองนี้นะครับ ถ่ายทอดมาอาจจะไม่เป๊ะนักนะครับ
     
  13. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,134
    ค่าพลัง:
    +62,441
    โมทนากับคุณชยุตและคณะที่ไปด้วยครับ นำธรรมะดีๆจากพระท่านมาฝากอีกด้วย อ่านไปก็ลุ้นไปด้วยครับคุณชยุตเล่าได้น่าติดตามครับ (น่าจะเขียนบทหนังเก่ง อิอิ)

    เมื่อก่อนผมก็เดินทางเข้าป่าลุยเขาบ่อยๆ แต่ในถ้ำแบบนี้ผมยังไม่เคยไปค้างคืนเลย นี่อยู่กันถึง 3 คืน ใจเด็ดมากๆครับทุกท่าน...อยู่กับธรรมชาติแท้ๆแบบนี้คงได้สัมผัสถึงบรรยากาศความสงบ สงัดที่ดิ่งลึกทีเดียวครับ..ดีกว่าบ้านที่อยู่ในเมืองเป็นไหนๆ..ถ้ามีโอกาสแบบนี้สักครั้งคงจะดี

    (verygood)(verygood)(verygood)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 กุมภาพันธ์ 2007
  14. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    และสุดท้าย สิ่งที่ผมประทับใจมากๆที่วัดนี้อีกอย่างหนึ่งก็คือ

    ..เทคนิคการทำสมาธิที่ท่านสอนอยู่ครับ..

    แหม..สำหรับผมแล้ว มันยอดมากเลยครับ..
    จิตสงบได้เร็ว และลึกกว่าที่เคยเป็นครับ

    อาจจะคล้ายๆกับของที่วัดเขาสมโภชน์กระมัง + เทคนิคที่คุณคณานันท์สอนไว้ในกระทู้วิชชาที่ทำให้อยู่รอดจากภัยพิบัติด้วย
    ในวันที่ท่านสอนนั้น เพียงแค่ 10-15 นาทีแรกๆก็สงบได้แล้ว มีคนเกิดปิติถึงกับร้องไห้โฮออกมากลางวงก็มีครับ อันนี้คุณพรหมก็ได้ยินนะครับ

    เดี๋ยวขออธิบายคร่าวๆนะครับ เผื่อท่านที่นั่งสมาธิไม่ค่อยก้าวหน้าอย่างผมเนี่ยจะได้เอาไปใช้บ้าง

    เริ่มต้นด้วยการยืดเส้นยืดสายให้ร่างกายผ่อนคลายก่อน โดยการยืนขึ้นยกแขนเหยียดขึ้นตรงแล้วสูดลมหายใจเข้าให้เต็มปอดแรงๆ ขณะเดียวกันก็ค่อยๆก้มตัวลงเอามือไปแต่ปลายเท้า แล้วก็ค่อยๆปล่อยลมหายใจออกมาพร้อมๆกับค่อยๆเหยียดตัวขึ้นยกแขนไว้เหมือนเดิม ทำซัก 4-5 ครั้ง

    จากนั้นก็ยืนบิดตัวไปทางซ้ายที ขวาที 4-5 ครั้ง

    สรุปว่าออกกำลังกายให้ร่างกายผ่อนคลายก่อนหนะครับ บางทีทำโยคะก่อนก็น่าจะดีเหมือนกันนะครับ

    นั่งสมาธิ

    - สูดลมหายใจเข้าเต็มปอดแรงๆ กำหนดสติรู้ที่อาการพองของทรวงอก ภาวนาว่า "พอง"

    - ปล่อยลมหายใจออกให้หมด กำหนดสติรู้ที่อาการยุบของท้อง ภาวนาว่า "ยุบ"

    - ทำเช่นนี้เรื่อยไป แต่ค่อยๆเร่งให้เร็วขึ้น เร็วขึ้นเรื่อยๆ และให้แรงขึ้น เร็วขึ้นยิ่งๆขึ้นไปอีก ไม่ต้องสนใจอะไร ไม่ต้องอายใคร สูดลมเข้าออกให้แรง-เร็ว จนสุดความสามารถที่จะทำได้ (ตอนที่ท่านสอนท่านจะคอยบอกว่า สุดแล้วเหรอ ทำได้เร็วและแรงแค่นี้เองเหรอ เอ๊า..เอาให้สุด เอาให้สุดๆ) ทำซักประมาณ 5-10 นาที (มั๊ง) เพราะไม่ได้จับเวลา ตอนที่ท่านสอนท่านบอกให้หยุดเอง

    - จากนั้นก็หยุดนิ่งเลยครับ ไม่หายใจเลย นิ่งดูอาการของมันเฉยๆ ไม่ยินดียินร้าย วางอารมณ์เป็นอุเบกขาครับ จะรู้สึกว่าตัวชา เกิดปิติขึ้นก็ตอนนี้แหละ อาการก็แตกต่างกันในแต่ละคน บางคนก็ร้องไห้โอออกมาอย่างที่ผมว่านั่นแหละครับ

    จากนั้นท่านก็ให้กำหนดสติรู้ที่ความยุบ-พองเรื่อยไปหนะครับ

    ลองดูนะครับ ใครที่ยังไม่เคยสงบเลย อาจจะได้สงบก็คราวนี้แหละ วิธีนี้อาจจะถูกจริตกับท่านก็ได้นะครับ

    พอนั่งสมาธิเสร็จ ท่านก็มีวิธีการออกจากสมาธิบอก แต่ผมขอข้ามไปนะครับ เพราะหลายๆท่านก็พูดไว้ในเวปนี้เยอะแล้วครับ

    ท่านแหย่เล่นๆว่า เป็นไงกันบ้างนั่งสมาธิแบบนี้ เหมือนกับตอนที่ภาวนาพุธ-โธไหม๊ แล้วท่านก็ทำท่าให้ดูว่านั่งสมาธิแล้วภาวนาเบาๆธรรมดาๆว่าพุท-โธ แล้วก็สัปหงกไปเรื่อยๆให้ดูด้วยครับ (นั่งไปหลับไปมันจะได้อะไรอะไรทำนองนั้น)

    แต่ผมไม่ได้หมายความว่าท่านตำหนิวิธีการนั่งสมาธิแบบอื่นๆนะครับ เพราะก่อนจะสอนนั่งสมาธินั้น ท่านได้บอกทฤษฎีให้รู้ก่อนแล้วว่าวิธีปฏิบัติสมาธิ แบบสมถะนั้นมันมีอยู่ในพระไตรปิฎกตั้ง 40 วิธี ดังนั้นอย่าไปถามว่าสายไหนเป็นสายไหน เพราะจริงๆแล้วมีแค่สายเดียว คือสายพระพุทธเจ้านั่นแหละ แต่ แต่ละสำนักจะเลือกเอาวิธีการไหนมาฝึกมาปฏิบัติมันก็แล้วแต่ความชอบของใครของมัน ไม่ผิดอะไร (อย่างที่พวกเรารู้กันแล้วนั่นเอง) และท่านก็พูดถึงว่าสมถะก็ต้องควบคู่กับวิปัสนาด้วยเช่นกันจึงจะบรรลุมรรคผลนิพพานได้ ดังนั้นผมจึงเห็นว่าท่านก็เป็นพระอริยสงฆ์ที่รู้จริงอีกองค์หนึ่งครับ
     
  15. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,134
    ค่าพลัง:
    +62,441
    <TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 6 คน ( เป็นสมาชิก 6 คน และ บุคคลทั่วไป 0 คน ) </TD><TD class=thead width="14%">

    </TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>mead, ###อ่อน###, Chayutt, kananun, MOUNTAIN, พุทธันดร </TD></TR></TBODY></TABLE><!-- currently active users -->

    สาธุครับ..แบบนี้เข้าทางคุณชยุตพอดี..มาตามอ่านกันหลายท่านเลย*-*
     
  16. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    ลืมไปว่ามีอีกประเด็นหนึ่งที่น่าจะนำมาเล่าให้ฟังด้วยครับ

    คือ..เรื่องถ้ำเหว

    ภาพถ่ายทั้งหมด และเรื่องที่ผมเล่ามาทั้งหมดก่อนหน้านี้ เป็นเรื่องของถ้ำดาวเขาแก้ว ในส่วนที่เป็นถ้ำเปิดเผยครับ แต่ยังมีอีกถ้ำหนึ่งที่พระอาจารย์ท่านเพิ่งค้นพบ และไม่เปิดเผยครับ จะมีก็แต่พระในวัดบางรูป แม่ชี และโยมอีกจำนวนหนึ่งเท่านั้นที่จะรู้จักถ้ำนี้ครับ..ท่านเรียกมันว่า"ถ้ำเหว"ครับ

    ที่ผมรู้ว่ามีถ้ำนี้เพราะมีอยู่วันหนึ่งหลังสวดมนต์ทำวัตรเย็นเสร็จผมก็เดินออกมานอกศาลา พระในวัดรูปหนึ่งท่านก็ถามผมว่ามาปฏิบัติธรรมเหรอ ไปดูในถ้ำมาแล้วใช่ไหม และท่านก็ว่าถ้ำที่เห็นนี่เป็นแค่ส่วนที่เปิดเผยเท่านั้นนะ ยังไม่เรียกว่าสวยเท่าไหร่ ถ้าจะสวยก็ต้องเป็นถ้ำเหว ซึ่งทางเข้าถ้ำจะอยู่บนยอดเขา เดินไปไม่ไกลนัก แต่ทางลงถ้ำนี่สิ จะเป็นทางดิ่งลงไป 90 องศา ลึก 80 เมตร ต้องใช้บันไดลิงไต่ลงไป จึงได้ชื่อว่าถ้ำเหว ในนั้นอากาศน้อย แต่มีความสวยงามกว่าถ้ำด้านนอกนี้ 5 เท่าได้มั๊ง กว้างประมาณ 500 เมตร ยาวประมาณ 1.5 กิโลเมตร แถมยังมีงูขาวเฝ้าอยู่ด้วย คนที่จะลงไปได้ต้องมีผู้มีวิชชาพอสมควรพาลงไป อย่างพระอาจารย์ประทวนนี้เป็นต้น

    ภายในถ้ำถ้าคนดูเป็นก็จะรู้ว่ามีธาตุกายสิทธิ์อยู่มากมาย พระอาจารย์ประทวนท่านยังเอาโครตเหล็กไหลมาให้พวกผมดูอยู่เลยตอนวันที่พวกผมจะกลับ และไปขอให้ท่านพาลงไปดูถ้ำเหว ตอนแรกท่านก็รับปากเพราะว่ามีทีมงานจากนิตยสารโลกทิพย์-โลกลี้ลับมาขอให้ท่านพาลงไปดูด้วยเช่นกัน แต่เผอิญวันนั้นมีญาตฺโยมคณะผู้อาวุโสมาปฏิบัติธรรมจำนวน 100 กว่าคนท่านเลยต้องดูแล และท่านก็เหนื่อยมากแล้ว สงสัยเมื่อคืนท่านก็ไม่ได้นอนด้วยมั๊งครับ ท่านเลยขอยกเลิกไม่ไปแล้ว พวกผมก็เลยอดลงไปดูถ้ำเหวเลยครับ..แหม..เสียดายจัง..เอาไว้คราวหน้าจะพยายามไม่ให้พราดครับ

    แม่ชีที่วัดก็เคยพูดให้ฟังว่าที่ถ้ำเหวนี้เป็นทางเข้าไปสู่ภพบาดาล หลวงพ่อท่านไม่อยากให้คนไปรบกวนเขาเท่าไหร่นัก

    พอพูดถึงแม่ชีแล้ว ผมเชื่อว่าคุณคนกิเลสหนา Khunkik และคุณแจงน่าจะมีเรื่องเล่าบ้างนะครับ

    เพราะแม่ชีคนนี้สงสัยจะมีความเกี่ยวข้องอะไรซักอย่างกับคณะเราบางคน อย่างตอนที่ถามว่าพวกเราจะนอนที่ไหนกัน พวกเราตอบว่าบางส่วนจะนอนในถ้ำกัน แม่ชีก็เงียบ แล้วบอกว่าปกติถ้าคนไม่เคยมาแม่ชีจะห้ามนะ แต่สำหรับคณะนี้แม่ชีรู้สึกไม่ห่วงอะไรเลย ให้ไปนอนในถ้ำได้

    และพอตกกลางคืนแม่ชีก็พาพวกเราไปตระเวณสวดมนต์ในถ้ำอีกรอบหนึ่ง แล้วก็พูดว่า "ก็ว่าอยู่ว่าเรารออะไร รออะไร รอมาตั้งแต่เมื่อวานแล้ว" รายละเอียดต้องรอ 3 ท่านที่พูดถึงไปแล้วมาเล่าให้ฟังต่อนะครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 กุมภาพันธ์ 2007
  17. MOUNTAIN

    MOUNTAIN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    15,035
    ค่าพลัง:
    +132,086
    วิธีที่คุณชยุต เล่ามา เป็นการผสมผสาน
    แบบวิธีของวัดเขาสมโภชน์ ออกกรรม
    กับสมาธิ-สติกำหนดรู้

    ถ้าผู้ปฏิบัติ..มีอาการแสดงออกทางกาย
    เช่นร้องไห้ ตัวสั่น ตัวโยก โอ๊กอ๊าก
    เรียกว่าการออกกรรม

    เมื่อกำหนดตัวรู้แล้ว อาการจะค่อยๆสงบนิ่ง
    สมาธิจะเกิดขึ้นแทน จิตจะดิ่งลึกเป็นสมาธิได้ดีมาก
    เรียกว่า ไม่อยากจะถอนออกจากสมาธิเลย
    เป็นความสุขสงบ ที่ไม่สามารถหาได้จากที่ใดๆ
    นอกจากภายในตัวเราเอง

    ขออนุโมทนากับคุณชยุต ด้วยครับ
     
  18. Khunkik

    Khunkik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กันยายน 2006
    โพสต์:
    2,150
    ค่าพลัง:
    +18,072
    เอ้าในเมื่อคุณชยุตเปิดทางมาเราก็ต้องตอบ(i)
    แนวปฏิบัติของถ้ำดาวที่เข้าใจเป็นแนวสติปฏิาณ เน้นให้รู้กริยาของตนเองก่อน และเน้นให้รู้จิต มีสติรู้เท่าทัน การบริหารร่างกายนิดหน่อยทั้งก่อน และหลังปฏิบัติ จะทำให้ร่างกายเราดี ไม่มีเวทนามากนัก หรือมีก็น้อย ทำให้จิตรู้เท่าทัน และการปฏิบัติทรงตัว เหมือนการเล่นโยคะนั่นแหละ คนที่เคยเล่นโยคะแล้วจะรู้ว่า เมื่อปฏิบัติจิตจะมีการทรงตัวได้เร็ว และสงบมากขึ้น จดจ่ออยู่เฉพาะคำภาวนานั้นๆ ที่เราตั้งไว้
    ลองไปฝึกกันต่อน่ะ เดินให้รู้ว่าก้าวเท้าไหน สัมผัสพื้นแล้วเป็นยังไง กินให้รู้ว่ากำลังกิน นั่งก็ให้รู้อาการนั่ง ทำให้ได้ทุกอิริยาบถ โดยเฉพาะเวลาอาบน้ำ ถ้าใครเคยอาบน้ำ 5 นาทีอย่างเรา อาจจะกลายเป็น 50 นาที แล้วพอจับได้บ่อยๆ ทรงตัวแล้วก็จะเร็วขึ้นเอง เราเองก็ยังหลุดๆ รั่วๆ อยู่(nogood)


    ถ้ำดาว
    เรื่องของแม่ชี เนื่องจากแม่ชีบอกว่าคุ้นๆ กลุ่มพวกเรา เหมือนเคยเจอมาก่อน (ก็จำไม่ได้หล่ะน่ะว่าชาติไหน) ท่านจึงเมตตาพวกเราอย่างมาก กิ๊ก กับพี่แจงวันทีี่ไปไม่ได้เตรียมชุดขาวไป คนที่ดูแลก็บอกว่าในถ้ำถ้าจะปฏิบัติเค้าชอบให้แต่งขาวให้เรียบร้อย เรากับพี่แจงว่า ไม่ได้เอามา ถ้าไม่มีก็จะไม่ปฏิบัติในถ้ำ จะปฏิบัติข้างล่าง(ตีนเขา) ปรากฎว่าพอลงมาที่เรือนนอนตีนเขา แม่ปู๊กท่านเมตตาให้ยืมชุดขาวแต่งเรียบร้อย(verygood) (คิดในใจว่ายังไงคงต้องไปปฎิบัติข้างบนซะหล่ะมั้ง)

    ตอนเย็นหลังจากรับศีล 8 แล้ว พ่อลุง (พี่ชายหลวงพ่อ) ท่านก็สงสารถามว่าหนูๆ ทำไมไม่กินข้าวก่อนรับศีลหล่ะ ท่านเป็นห่วงกลัวพวกเราจะไม่ไหว(f)
    พี่พรหมก็บอกว่า วอร์มศีล 8 มา 2 วันแล้ว คุณชยุตก็ได้ สำหรับพี่คนกิเลสหนาสบายมากเพราะรับศีล 8 เป็นประจำ ส่วนเราก็พี่แจ
    งก็มีโอวัลติมาคนล่ะถุงใหญ่ สบายไป ฮุ ฮุ ฮุ

    หลังจากทำวัตรเย็นก็นั่งสมาธิกันวิหารด้านล่าง พี่แจงก็เล่าให้ฟังว่า ใจมันขึ้นไปบนถ้ำตลอดเลย พอจบการทำวัตรเย็น พวกเราก็เลยพากันขึ้นไปบนถ้ำ ประมาณ 3 ทุ่ม แต่ไม่มีใครกลัวอะไรเราเดินกันสบายๆ อากาศดีด้วย ดาวสวยมากๆ (เราห่วงอยู่อย่างเดียวแมลง และกิ้งกือเล็กๆ เยอะมากบริเวณทางขึ้น เรากลัวว่าจะไปเหยียบเค้าเข้าน่ะซิ (b-angry))

    ในถ้ำทุกคนปฏิบัติได้ดีมากนิ่งกันใหญ่เชียว พวกเราได้ิยินเสียงกรนด้วย คิดกันว่าสงสัย พี่คนกิเลสหนาที่นั่งหลังสุดจะหลับในฌาณเสียแล้วกระมัง((smile) ฮิ ฮิ ฮอ ก็อากาศมันดี) พอหันไปดู อ้าวเจ้าแคทนอนหลับกรนเหมือนคนเลย (หมาที่ตามมาเฝ้าพวกเราปฏิบัติ) แถมมานอนบนเสื่อข้าง พี่คนกิเลสหนานี่เอง [Embarrassแอบหัวเราะกับการเข้าใจผิด และขอโทษ พี่คนกิเลสหนาด้วยนะจ๊ะ ตลอดเวลาที่นั่งสมาธิกัน เทวดา ท่านก็เมตตามาดูแลอยู่ด้วยตลอดเวลา
    ด้วยความที่ร่างกายเราเหนื่อยมากเนื่องจากการเดินขึ้น-ลงบันได ร้อยกว่าขั้นตั้งแต่ที่วัดเขาวง (ถ้ำนารายณ์) และมาที่ถ้ำดาวทำให้เราเพลีย และขอสารภาพบาป แอบหลับในสมาธิจ้า รู้สึกผิดจริงๆ ท่านอุตส่าห์มาดูแล แต่ไอ้ขันธ์มารมันไม่สน มันจะหลับ มันจะพักท่าเดียว แย่จริงๆ*8*(b-ahh)

    พอประมาณ 5 ทุ่ม สาวๆ ก็ขอลี้ไปคร่อกฟี้กันด้านล่าง เรานอนหลับปุ๋ย แต่พี่แจงเล่นหนีน้องไปเที่ยวถ้ำในฝันแบบไม่ชวนซักคำ 5555
    ตอนเช้าก็ได้เล่าสู่กันฟัง ด้วยอาการนอนไม่พอ งัวเงียๆของพี่แจง
    (b-green)

    พี่คนกิเลสหนาได้คุยกับแม่ชีตอนเช้าเรื่องการปฏิบัติธรรมแนวหลวงปู่ฤษี ท่านก็สนใจมากๆ นี่ก็เตรียมจะส่ง CD ไปให้เหมือนกัน พวกแม่ๆ ก็ไม่อยากให้กลับอยากให้อยู่ต่อ แต่เนื่องจากพวกเรามีภาระกิจทางโลก ต้องรีบกลับมารายงานตัวเช็คมรดก กับเทวดาผู้น่ารักที่บ้าน (คุณแม่ขา หนูแอบเม้าส์ นิดหน่อยเด้อจ้า ^-^)

    ใครอยากไปปฏิบัติก็ชวนกันไปได้น่ะ ถ้าไม่สะดวกพักในถ้ำ (กว้าง และอากาศถ่ายเทดีมากๆ) ก็สามารถพักได้ที่เรือนยาวด้านล่าง ห้องน้ำห้องท่าพร้อม น้ำไหลไฟสะดวกจ้า และพวกหลวงพี่ กับแม่ๆ ก็ใจดีมากๆ ท่านจะดีใจมากถ้าพวกเราไปปฏิบัติกันเยอะๆ (b-deejai)

    นั่งรถไปลงบริเวณตลาดแขก อ.ปากช่อง จ.สระบุรี แล้วต่อรถสองแถวที่ไปถ้ำดาวเข้าไปได้เลยจ้า รักรออยู่ ฮุ..ฮุ..ฮุ

    ปล.งานนี้คุณแม่ปุ๊กนอกจากจะใจดีให้เรายืมชุด ทำไข่ยัดไส้แสนอร่อยให้กิน ยังให้เหล็กไหลที่ได้จากหลวงพ่อมาให้เราบูชาด้วย สาธุ สาธุ สาธุ(b-love2u)

    ------------------------------------------------------
    ขอเชิญร่วมทำบุญกับหลวงตาวัชรชัย ในโครงการ"ข้าวก้นบาตร"
    http://www.palungjit.org/board/showthread.php?t=71874

    และสามารถเข้าชมกิจกรรมของโครงการได้ที่ :cool:

    www.siangjaagtaum.com


     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 กุมภาพันธ์ 2007
  19. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    มิน่าอุบไต๋ กันนี่เอง ได้เหล็กไหลกันมา ทั่วหน้า สาธุขอกราบโมทนากับทุกๆท่านที่อยู่ปฏิบัติธรรมกันต่อครับผม

    มีคนบอกว่า เหล็กไหล มีพลังดึงดูดกันครับ ผมเคยให้ผู้ใหญ่ท่านหนึ่งไปบูชาดู อีกไม่เกินสามเดือนไปห้องพระท่านอีกหน คราวนี้ ท่านไปได้เหล็กไหลมาอีกเป็นร้อยๆ องค์ เลยคืนที่ผมได้ให้ไว้

    ส่วนกรณีนี้ เป็นเพราะพี่พรหม ได้นำเหล็กไหลที่เพิ่งเสด็จมา(สดๆร้อนๆ)ไปด้วย ประกอบกับคุณธรรมความดี ความเสียสละของทุกๆคน จึงได้ธาตุวิเศษ ธาตุกายสิทธิ์ต่างๆมาไว้บูชา เพื่อร่วมในการทำงานเพื่อส่วนรวมและถวายพระพุทธศาสนาครับ

    "แม้มิแสวงหาแต่ ท่านเมตตาเองครับ ของเหล่านี้เป็นของคู่บุญบารมี"

    ขอกราบโมทนาใน ผลแห่งการปฏิบัติเพื่อความดีของทุกๆท่านด้วยครับผม
     
  20. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    เอ่อ...
     

แชร์หน้านี้

Loading...