มีอะไรบางอย่างในรูปถ่ายของหลวงปู่โต !!

เห็นด้วยค่ะ และยังมีเรื่องประวัติศาตริ์ที่ยังผิดเพี้ยนอีกมากมาย รวมทั้งที่เริ่มสร้างกันใหม่คือภาพวาดในอุโบสถที่มีตัวการ์ตูนหลากหลาย ยักษ์สะพายลูกปืน ในนรกใช้มือถือ เข้าใจค่ะว่าจะสื่อสารให้เด็กและคนเข้าวัดเเพื่อไปดูกันเยอะๆ ตอนนี้ก็รู้สึกจะมีออกมากันมากด้วย เป็นห่วงประวัติศาตร์ไทยค่ะ

 

ถูกต้องครับ ในสมัยนั้นการถ่ายรูปเป็นของต่างชาติที่นำเข้ามา ประเทศไทยคงยังมีใช้กันไม่แพร่หลาย ตุ๊กตานั้นก็น่าจะเป็นไอเดียของช่างกล้องต่างชาติแน่ๆครับ....สาธุ

 

ไม่ใช่วิสัยปกติของท่านครับ
(จะเรียกว่าไม่ใช่นิสัยก็ไม่รู้ว่าจะควรหรือเปล่า)

การกระทำของท่านอย่างน้อย ๆ ต้องเป็นการสอนอะไรสักอย่าง หรือต้องให้แง่คิดอะไรบางอย่าง ถ้าพิจารณาจากประวัติของท่านที่เคยติดตามอ่านมา

การกระทำโดยโอ้อวดโดยไม่มีเหตุไม่มีแง่คิด ไม่ใช่ลักษณะวิสัยของท่านสมเด็จฯ ครับ
แต่คิดว่า คนที่ท่านต้องการสื่อถึงคงเข้าใจแล้วครับ

แม้กระทั่ง ตอนถือคบเพลิงฯลฯเดินในบ้านผู้สำเร็จราชการแทน
คิดว่าตอนนั้นก็มีแต่ท่านผู้สำเร็จราชการแทนที่เข้าใจ แต่ตอนนี้คงทราบกันหมดแล้ว

ขอบคุณมาก ๆ ครับ

 

คุณคะ....สมเด็จท่านคงไม่ได้มาจัด"ฉาก"เองมังคะ เจ้าภาพเค้ามีศรัทธา ต้องการที่จะเก็บภาพสมเด็จเอาไว้ เรื่องการจัดฉากน่าจะเป็น(เจ้าหน้าที้คือช่างภาพมากกว่าค่ะ) ท่านเป็นถึง(สมเด็จ) คงไม่ต้องมานั่งสั่งการให้ใครต่อใครเค้าจัดฉากให้ท่าน(ส่วนใหญ่ผู้ใหญ่ระดับ"สมเด็จ"ท่านจะนิ่งไม่รุ่มร่ามค่ะ) ดิฉันเคยเห็นพระอาริยเจ้าหลายๆท่านก่อนจะถายภาพ ช่างถ่ายภาพเค้าก็จะเป็นคนจัดฉากให้ ท่านมีหน้าที่นั่งนิ่งๆให้ช่างเค้าถ่ายรูปอย่างเดียว ส่วนข้อความข้างต้นดิฉันหมายถึงที่มาของตุ๊กตาฝรั่งและเครื่องแก้วต่างๆ ไม่ได้หมายความว่าท่านโปรดของพวกนี้ค่ะ ดิฉันหมายถึงของเหล่านี้เป็นที่นิยมในสมัยนั้น....ขอบคุณค่ะ

 

โดยส่วนตัวจากการอ่านหนังสือพระ นะโม สมัยก่อนเค้าว่า เด็กผู้ชายที่ถือ พัดด้านหลังซ้ายคือ หลวงพ่อเนียม วัดน้อย บางปลาม้า สุพรรณค่ะ
และมีการยืนยันที่ชัดเจน ด้วยค่ะ ว่าเป็นหลวงพ่อเนียม จริงๆเจ้าค่ะ ^ ^ ก็อาจจะคลาดเคลื่อนไปมั้งน่ะค่ะ แต่ที่แน่ๆหลวงพ่อเนียม ท่านเป็น ลูกศิษย์สมเด็จๆ แน่ๆค่ะ

 

สาธุ อนุโมทนาด้วยค่ะ

 

เณรศิษย์ท่านโตป่านนี้เป็นพระเกจิดังทั้งสองรูป หลวงปู่โตมีศิษย์ที่เป็นเณรแค่ 2 รูปเท่านั้นครับ เท่าที่ทราบ

 

เมื่อสมัยที่หลวงปู่โตยังเป็นเจ้าอาวาสที่วัดระฆัง สมัยนั้นหลวงพ่อเนียมเป็นพระภิกษุสงฆ์แล้วนะครับ ไม่ไ่ด้เป็นเณร

 

วันขึ้นครองราชของพระพุทธเจ้าหลวง

ผมเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง ครับ สาธุ ครับ

ส่วนเรื่อง พ.ศ.ที่พระพุทธเจ้าหลวงขึ้นครองราชนั้น ควรจะเป็นปี 2411 มากกว่าครับ เพราะรัชกาลที่ 4 ท่านเสด็จสวรรคต 1 ตุลาคม 2411 ครับ

 

สิ่งของทั้งหลายที่วางอยู่นี้น่าจะเป็นเครื่องบูชา คือการถวายอาหาร และข้าทาสบริวาร ให้เป็นเครื่องบูชาพระครับ.... อีกทั้งตุ๊กตาจากยุโรปก็เป็นของมีค่าสมัยนั้น ของมีค่าจึงเหมาะที่จะใช้ในการบูชาพระครับ

คนสมัยก่อนเขานับถือพระอย่างเปื่ยมล้น เห็นพระเดินผ่านก็ต้องนั่งลงยกมือไหว้ หรือกราบกันทุกคน แม้จะเป็นข้างทางก็ตาม คนกระทำผิดกับพระก็เป็นอันกินไม่ได้นอนไม่หลับกลัวบาปกรรม

การตั้งแท่นก็ไม่ต่างจากโต๊ะหมู่บูชาแต่อย่างใดแสดงออกถึงความศรัทธายกย่องเป็นที่สุด น่าสรรเสริญเอาเป็นเยี่ยงอย่างมากเลยนะครับ

 

รูปนี้นี่คงเก่ามากๆนะคะ
มันเป้ฯรูปที่น่ากลัวมากเลย แหะๆ

 

สาธุกับความรู้ใหม่ๆครับ

http://palungjit.org/threads/ข้ามอุ...มสร้างสะพานเข้าวัด.277517/page-14#post4426330

 

อย่างไง ก็แล้วแต่ ขอ ขอบคุณความช่างสังเกตมากนะครับ

 

[/COLOR
กรรมดี...กรรมชั่ว

 

เป็นภาพถ่ายธรรมดาๆ ของคนสมัยนั้นแหละค่ะ ไม่ได้มีการสื่อเรื่องปาฎิหารย์อะไร ก็เหมือนเราสมัยนี้แหละค่ะถ่ายเก็บไว้เป็นที่ระลึกเท่านั้น....เพียงแต่ว่าหลวงปู่โตท่านได้รับความศรัทธานับถือจนถึงปัจจุบัน ก็มีการหารูปท่านมาให้ดูกันเพื่อความเป็นศิริมงคลค่ะ..เพราะภาพถ่ายสมัยนั้นหายาก เพิ่งจะมีกล้องถ่ายรูปเข้ามาในสมัย ร.5 ค่ะ

 

ขอบคุณมากครับสำหรับความใหม่ๆหลากหลายมุมมอง อนุโมทนาครับ สาธุ

 

ผมได้ศึกษาประวัติของท่านมาพอสมควรท่านได้สอนหนังสือให้ รัชกาลที่5 ผมว่าท่านเป็นอัจฉริยะมากกว่า เป็นพระสุปะฏิปันโนอย่างแท้จริง เป็นผู้มีความเคารพในการศึกษาในเรื่องศีล ท่านไม่ถือยศสมัยก่อนท่านให้เรียกท่านว่า ขรัวโต แทน สมเด็จ คำคำนึงท่านได้พูดกับอุบาสกว่า ฉันไม่ไช่สมเด็จจ้ะ ฉันชื่อขรัวโต สมเด็จท่านอยู่ที่วัดระฆัง แล้วต่อจากนั้นชาวบ้านก็พากันเรียกขรัวโตครับ ขรัวโตท่านชอบแผ่เมตตาท่านว่ามีคุณประโยชน์ดังนี้แล หลับเป็นสุข ตื่นขึ้นก็เป็นสุข ไม่ทุรนทุราย ไม่ฝันร้าย คือไม่ฝันว่าถูกล้อมจับหรือถูกสัตว์ทำร้าย เป็นที่รักของมนุษย์ทั้งหลาย เป็นที่รักของอมนุษย์ทั้งหลาย เทวดารักษา ไม่เป็นอันตรายเพราะไฟ ใจมั่นคงได้รวดเร็ว หรือเกิดใจว่อกแว่กโดยเหตุใดเหตุหนึ่ง ก็กลับทำให้เกิดความมั่นคงได้อย่างรวดเร็ว มีสีหน้าผ่องใสเบิกบาน ไม่คลั้งเพ้อในเวลาตาย แค่นี้ก่อนนะครับไปนอนก่อนครับพรุ่งนี้วันพระเดี๋ยวตื่นไปถือศีลอุโบสถไม่ทันครับ โชคดี

 

ที่เคยอ่านมาอยู่ช่วงรัชกาลที่ 3 และรัชกาลที่ 4