เรื่องเล่าของข้าพเจ้าความศักดิ์สิทธิ์พระคาถาชินบัญชร

ในห้อง 'สมเด็จโต พรหมรังสี' ตั้งกระทู้โดย ชัชวาล เพ่งวรรธนะ, 1 ตุลาคม 2008.

  1. Angelina

    Angelina สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    5
    ค่าพลัง:
    +3
    เรียน พี่อ้อง

    วันนี้ก้อยังไม่ได้รับหนังสือเลยค่ะ ไม่รู้ไปตกค้างที่ไหน.. ตั้งตารออยู่ค่ะ
    เดี๋ยวถ้าได้จะมาแจ้งให้ทราบค่ะ

    ขอบคุณอีกครั้งค่ะ ขอให้เจริญในธรรมยิ่งๆ ขึ้นไปค่ะ สาธุ สาธุ สาธุ
    แองค่ะ
     
  2. Angelina

    Angelina สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    5
    ค่าพลัง:
    +3

    ได้รับหนังสือแล้วค่ะพี่อ้อง
    ขอบคุณมากๆ ค่ะ

    หน้าปกสวยงาม ตัวหนังสือตัวใหญ่ หวังว่าพ่อกับแม่ คงจะอ่านจบ และเข้าหาทางธรรมได้ถูกทางมากกว่าที่เป็นอยู่ค่ะ (ปัจจุบันท่านทั้งสองก็ใส่บาตรทุกเช้า และทำบุญทุกวันพระอยู่แล้วค่ะ แต่ว่ายังมีเรื่องการฆ่าสัตว์ เช่นพวกยุง เห็บ มดฯลฯ อยู่บ้างค่ะ แล้วก็ไม่ค่อยได้สวดมนต์ด้วยค่ะ อาจจะไม่ค่อยมีเวลาเพราะที่บ้านขายของค่ะ)

    ไม่รู้จะพูดอย่างไรดี ได้แต่บอกว่าขอบคุณมาก ๆ ค่ะ
    ขอให้พี่อ้อง และผู้มีส่วนร่วมในการจัดทำหนังสือทุกท่าน จงประสบแต่ความสุข ความเจริญ มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง และเจริญในธรรมยิ่ง ๆ ขึ้นไปค่ะ สาธุ

    ขอให้ทุกท่านร่วมอนุโมทนาในบุญของพี่อ้องครั้งนี้ด้วยค่ะ สาธุ
    แองค่ะ
     
  3. kung_9894

    kung_9894 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    186
    ค่าพลัง:
    +1,584
    สอบถามค่ะ

    สวัสดีค่ะ คุณชัชชวาล
    หนูเพิ่งจะเข้ามาสมัครและเข้ามาอ่านเมื่อกลางเดือนนี้เอง จริงๆแล้วมีเรื่องจะสอบถามมากมายค่ะ แต่ยังไม่มีเวลาเข้ามาพิมพ์ หลายๆเรื่องที่อ่านแล้วทำให้หนูรู้สึกมีกำลังใจที่จะทำความดีขึ้นมากๆๆเลย จริงๆยังอ่านไม่จบเลยค่ะ
    แต่อยากสอบถามว่ายังมีหนังสือเหลืออีกหรือไม่คะ หากมีค่าใช้จ่ายในการพิมพ์ก็ยินดีค่ะ คือปกติก็พิมพ์หนังสือธรรมะแจกเพื่อนๆกัลยาณมิตรอยู่ แต่อยากให้เพื่อนๆ หรือผู้ที่เราเคารพอยู่ได้อ่านหนังสือที่ประเสริฐเช่นนี้ ไม่ทราบว่ายังมีหนังสืออีกหรือไม่คะ
    ด้วยความนับถือ
    กราบขออนุโมทนาบุญด้วยค่ะ
     
  4. ชัชวาล เพ่งวรรธนะ

    ชัชวาล เพ่งวรรธนะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    843
    ค่าพลัง:
    +4,120
    ตอบน้องกุ้ง
    พอดีน้องแดนและน้องแองมีความประสงค์ต้องการนำหนังสือเพื่อเป็นธรรมทานแก่พ่อแม่อันเป็นการส้รางบารมีแห่งธรรมทานที่ประเสริฐ พี่อ้องจึงต้องพยายามหาหนังสือมาให้

    อย่างไรก็ตามพี่อ้องจะลองหามาให้น้องกุ้งนะครับ

    มีน้องเพื่อนๆขอกันมาเยอะมากจริงๆและที่จัดทำไปก็เป็นเพียงแค่ภาค1เวลานี้ปาไปภาค3 แถมมีเรื่องย่อยอีกหลายเรื่อง คัมภีร์หมื่นโลกธาตุ(เรื่องเล่าของเทพติ๊ก)

    เมื่อฉันตื่นในฝันอันแสนสนุก
    ทดแทนคุณ

    พี่อ้องเองก็เขียนในสิ่งที่ตัวเองเจอมาตั้งแต่เด็กและสอดแทรกธรรมะเพื่อกระตุ้นเตือนโดยชี้ข้อผิดพลาดของตนเองเพื่อไม่ให้เพื่อนๆน้องๆมาเสียเวลาในการเข้าถึงธรรมะอันประเสริฐ์อย่างแท้จริง

    พี่อ้องจึงมักบอกว่า ตนเองยังเป็นปถุชนธรรมดา มีดี มีชั่ว คิดดี คิดชั่วทั้งวัน ไม่จำเป็นต้องสร้างรูป แต่งกาย หรือยกยอตนเอง มีแต่ด่าตนเองสนุกดีแหะๆ เป็นกันเองกับเพื่อนๆน้องๆดี

    เอาความจริงใจเข้ามาพูดคุยกันก็สบายใจดี

    หนังสือทางเพื่อนๆที่ลานธรรมจัดทำมาเพิ่มอยู่2รอบเสียค่าใช้จ่ายไปแสนกว่าบาท
    พี่อ้องก็เกรงใจเพื่อนๆอยู่ช่วงหลังจึงยังไม่คิดจัดทำ



     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 สิงหาคม 2009
  5. kung_9894

    kung_9894 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    186
    ค่าพลัง:
    +1,584
    เรียนพี่อ้องค่ะ
    กราบขอบพระคุณล่วงหน้าค่ะ
    หนูเกรงใจพี่จังเลยค่ะ ถ้าพี่กรุณาหาหนังสือให้หนู รบกวนแจ้งเลขที่บัญชีด้วยนะคะ กุ้งจะโอนค่าส่งไปให้พี่ค่ะ แต่ถ้าพี่จะพิมพ์ รบกวนแจ้งด้วยนะคะ กุ้งจะได้โอนค่าหนังสือไปด้วย เพราะอาจสั่งซื้อหลายเล่มนะคะ จะติดตามผลงานนะคะ
    ขอบพระคุณพี่อ้องมากค่ะ
     
  6. kung_9894

    kung_9894 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    186
    ค่าพลัง:
    +1,584
    อ้อ ที่อยู่กุ้งนะคะ
    สิริกานต์ ทองขุนดำ
    65 ถ.ชื่นสุมาอนุสรณ์ ต.หาดใหญ่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา 90110

    ขอบพระคุณอย่างสูงค่ะ
     
  7. ชัชวาล เพ่งวรรธนะ

    ชัชวาล เพ่งวรรธนะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    843
    ค่าพลัง:
    +4,120
    มีน้องถามเรื่องการถอดกาย

    จิตนั้นเป็นสภาพที่อิงอาศัยรูป อาศัยอยู่ภายในถ้ำโพลงในช่องวิญญาณแห่งอายตนะภายใน

    จิิตนั้นเป็นธรรมชาติรู้อารมณ์ ตัวมันไม่มีตัวตน จับต้องไม่ได้ ตัวมันไม่ได้เป็นสสารหรือเป็นตัวพลังงานแต่ตัวของมันสามารถสร้างพลังงานขึ้นมาได้ถ้าหากว่ามันอยู่ในจุด ตำแหน่งแห่งเดียวเป็นเวลานานๆแย่างมั่นคง

    จิตมันจะมีพลังงานคือพลังจิต...

    อายตนะภายในที่อาศัยของจิตนั้นจะต้องเกิดเหตุมีปัจจัยให้เกิดคือการกระทบกับอายตนะภายนอกเช่นตากระทบรูป จมูกกระทบกลิ่น และจิตต้องยกวิถีจิตรับรู้ขึ้นสู่อารมณ์โดยมีเหตุให้เกิดจิตคือ อดีตกรรม อารมณ์ เจตสิก วัตถุรูป

    ดังนั้นกายหยาบมันมีจิตอาศัยอยู่ในถ้ำโพลงวิญญาณทั้ง๕ ตัวมันไม่มีรูป มีร่าง
    แต่เพราะมันเกิดดับเร็วจนแสงไม่ต้องพูดถึง กระพิบถี่ยิบยิ่งกว่าแสงไฟจนดูเหมือนเป็นหนึ่ง

    จึงทำให้เราเข้าใจว่ากายนี้เป็นเรา จิตนี้ก็เป็นเรา แม้ความคิดได้หมายรู้ก็คือเรา

    การถอดกาย ถอดจิต จึงมีสิ่งที่คลาดเคลื่อนอยู่คือจิตมันถอดไม่ได้ถ้ามันอยู่กับรูปหยาบ ขันธ์หยาบมันก็จะเกิดและดับไปกับขันธ์หยาบ กายหยาบที่ช่องวิญญาณอายตนะ

    ยกเว้นแต่ว่า...

    เราต้องทิ้งกายหยาบแบบไม่เหลือเยื่อใยแม้ลมที่เป็นสิ่งคับแคบที่ปรากฏในกายหยาบก็ต้องทิ้งแบบให้ลมนิ่งเต็มตัวเหมือนลูกโป่งกลมๆขาวใสๆมาห่อหุ้มกายหยาบและไม่ต้องอิงกับลม กายหยาบที่หาย ลมที่ไร้ร่องรอยให้สืบค้น
    นี่หล่ะคือทิ้งกายหยาบและไปสร้างรูปสมมุติ รูปละเอียด ขันธ์ละเอียด

    เหมือนเราส่องดูเงาตนเองในกระจก เหมือนเราส่งจิตออกนอก เหมือนท่านหลับตาและส่งจิตตนเองไปอีกที่หนึ่งหรือนอกกายเพียงแต่ถ้าท่านใช้คิด

    ภาพมันจะเบลอๆไม่ชัดเจน เพราะท่านยังทิ้งกายหยาบและลมไม่ได้นั่นเอง

    การถอดกายหยาบเพื่อก้าวเข้าสู่กายละเอียดได้นั้นต้องดับกายและลมจนไม่เหลือและสร้างตัวตนอีกตนหนึ่งแบบชัดเจน

    จิตมันอาศัยรูป มันต้องมีบ้านให้อยู่เป็นตัวรู้อารมณ์ดังนั้นการถอดกายละเอียดจึงมีวิธีที่ลี้ลับซับซ้อนและต้องใช้กำลังสมาธิแบบค่อนข้างมากพอชม

    การถอดกายละเอียดขอบอกว่า ท่านต้องเห็นกายเนื้อของท่านด้วยเมื่อยามออกมาไม่งั้นท่านกำลังฝันหรือหลงไปในนิมิตหรือสมาธิเพราะไปสร้างสัญญาชนิดหนึ่ง

    การที่จะรู้ว่าหลงหรือฝันหรือเป็นนิมิตของปลอมหรือจริงให้น้อมเข้ามาใน
    กายหยาบและลืมตาทบทวนตนเองและจดจำฐานของจิตที่เพิ่งเข้าและออก

    อ้องบอกยากหน่อยคือมันจะมีละดับ หรือขอบ หรือจุด หรือตำแหน่งที่เรารู้สึกได้ ให้จดจำที่เข้าและออกเพื่อน้อมเข้าไปหรือน้อมออกมาเพื่อดูว่าฝันหรือความจริง

    การถอดจิตออ้องจึงบอกว่าเป็นกีฬาของเล่นเป็นที่พัก เพราะไม่พ้นทุกข์แต่ทำให้เชื่อในกรรม ตัวตกแต่งกรรม สังสารวัฎ วิญญาณ การเกิดและการตาย
    ความไม่ประมาทในชีวิตของตนเองครับ

    ขอให้เพื่อนๆดำรงค์สติเฉพาะหน้าเอาไว้ รู้สึกตรงหน้าเวลานอนและรู้สึกถึงลมที่เคลื่อนออกก่อนและเข้า ตามรู้ไปเรื่อยๆ บริกรรมคำภาวนาที่ชอบเพื่อปลูกศรัทธา การตามรู้ลมดำรงค์สติเฉพาะหน้าและหลับไปจะมีสติระลึกรู้หรือมีกำลังสมาธิแนบเข้าไป เรียกว่าฌานหลับของหลวงพ่อฤาษีลิงดำ ตอนตายถ้าปล่อยวางกายและจิตตนเอง จะตายอย่างสง่าผ่าเผย

    ตายดีมีโอกาสเป็นเทวดาและพรหม ส่วนท่านที่ไม่ได้ฝึกให้ฝึกก่อนตายดีกว่า

    เพราะเวลาตายจิตจะอ่อนล้าไร้เรี่ยวแรง มึนงง สับสน ถ้าไม่ฝึกเอาไว้เสียก่อนและเกิดความห่วง ความกังวล ไม่ปล่อยกายและใจไปสบายๆ ตายไปไม่เป็นสัตว์ก็ไปอบาย

    อย่าสำคัญว่าตนเป็นคนดี
    อย่าสำคัญว่าตนนั้นได้ทำดีมามาก
    แต่จงสำนึกตนด้วยความไม่ประมาท
    เร่งอบรมจิตและสร้างคุณธรรมเพื่อความพ้นไปเสียเถิดดีกว่า
     
  8. ชัชวาล เพ่งวรรธนะ

    ชัชวาล เพ่งวรรธนะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    843
    ค่าพลัง:
    +4,120
    ถ้าได้คงส่งให้น้องกุ้ง1เล่มนะครับ
    ส่วนเงินไม่ต้องครับขอเพียงแต่อ่านจบแล้วถ้าคิดว่าอาจจะเป็นประโยชน์ต่อเพื่อนๆ
    หรือน้องๆคนอื่นก็ฝากให้เค้าอ่านต่อ ตรงนี้ก็คงจะตรงกับวัตถุประสงค์ของเพื่อนๆที่ลานธรรมนะครับ ส่วนโครงการตอนนี้ปิดรับเงินบริจาคครับ ส่วนค่าขนส่งไม่เท่าไหร่จ๊ะไม่ต้องเกรงใจในธรรม ยินดีเสมอนะครับ ขอไปหาหนังสือให้ก่อนละกันถ้าได้จะแจ้งให้ทราบอีกครั้งครับ
     
  9. SONICx

    SONICx เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    113
    ค่าพลัง:
    +225
    เรียน พี่อ้อง
    วันนี้มาด้วยความอิ่มเอิบครับ อารมณ์ใจ เบาสบาย คงเป็นเพราะกำลังของสมาธิที่ไปกดกิเลศไว้ อารมณ์ใจเบาสบายดี
    พี่ครับ สิ่งที่พี่แนะนำผมเป็นผลแล้วครับ ผมถอดจิตได้แล้ว ถึงแม้มันจะออกโดยบังเอิญ เห็นตัวเองนอนยังกะหุ่นเต็มๆเลยครับ ขอเล่าประสบการณ์เลยครับ
    วันที่ 29 ส.ค. 52 ที่ผ่านมา ก็นอนจับลมหายใจ ตามแบบที่พี่บอก วันนี้ไม่หลุดไปในภวังค์ครับ แต่กว่าจะรอดมาได้เล่นเอาเหงือกบวมเลย พอกำหนดมาที่กึ่งกลางระหว่างคิ้วได้สักพัก หูพลันได้ยินเสียงคนไล่เป็ด เป็ดร้องเสียงระงมมาเลย ดังมากในใจก็คิดว่า เอ...ใครหว่ามาเดินไล่เป็ดตอนกลางคืน เลยลุกขึ้นไปส่องที่หน้าต่าง ก็เห็นครับ เห็นแต่หลังคนเดินไวๆไป ไม่เห็นหน้า แต่ไม่เห็นเป็ดซักกะตัว เลยหันกลับจะเข้ามานอน แต่... พี่รู้มั้ย กายเนื้อผมมันยังนอนเป็นหุ่นอยู่เลย...เลยคิดได้ว่านี่กายในออกมาแล้วนี่หว่า.. พอคิดได้ดังนั้น ยังไม่ได้ทำอะไรต่อเลย เหมือนมีใครไม่รู้มาผลักที่หน้า ผลักๆๆๆ หลายครั้ง ผมก็มือปัด แต่สู้แรงไม่ได้ ผมถูกดันมาที่กายเนื้อแล้วล้มลงทับไปที่กายเนื้อแล้วก็สะดุ้งขึ้นตื่น ต่อจากนั้นเหมือนโดนผีอำครับ มาบีบที่คอผม ในอารมณ์ตอนนั้นไม่กลัวเลย ผมเลยร่ายพระคาถาชินบัญชรครับ เพราะผมสวดพระคาถานี้ได้ เป็นที่อัศจรรย์ใจครับ ในขณะที่ผมยังหลับตาถูกบีบคออยู่นั้นผมเห็นแสงค่อยๆสว่างจ้าที่คอของผมทำให้หายใจโล่ง เบาสบายครับ มันเป็นความรู้สึกที่บอกไม่ถูกครับพี่ กำลังใจผมดีมากเลย
    ผมขอปรึกษาพี่ครับ ว่าทำยังไงผมจะออกได้แบบสมบรูณ์ รู้สึกออกมาแล้วกำลังอ่อนครับ
    หนุ่ยครับ
     
  10. ชัชวาล เพ่งวรรธนะ

    ชัชวาล เพ่งวรรธนะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    843
    ค่าพลัง:
    +4,120
    ที่หมดแรงเพราะไปเพ่งจ้องมากและไปพยายามเพื่อให้สมาธิดำรงค์อยู่
    สมาธิที่หมดกำลัง เพราะตื่นเต้น อย่าไปหวั่นไหว ปล่อยสบายๆ ถ้าทำบ่อยๆได้มันจะชินเอง
    และเวลาออกมันจะไม่หมดแรงเหมือนเช่นนี้อีก สิ่งไหนก็ตามถ้าทำเกินกำลังความสามารถ
    ไม่ว่ากายหรือจิตก็จะอ่อนล้าเช่นดียวกัน

    การที่ออกเพราะมีสื่อนำ คือสงสัยในเสียงแว่ว หรือมีภาระที่ต้องทำ หรือมีคนมาเรียก
    หรือติดกิจสิ่งใดต้องไปดู ไปทำ แต่ช่วงจังหวะที่นอนมันมีตัวห่วงพะวงอยู่และสมาธิเกิดรวมตัวเข้าในช่วงภวังค์และผ่านมาได้แต่กำลังยังน้อยอยู่จึงยังรู้สึกเหตุการณ์ที่เกิดนั้น

    ผ่านไปอย่างรวดเร็วและกำลังก็จะหมดไปอย่างรวดเร็วเช่นกัน คนที่ใช้กำลังจิตเกินตัวและถอนออกมาอย่างฉับพลันจะรู้สึกเหนื่อย คราวหลังค่อยๆถอนออกมาอย่างช้าๆสบายๆและจดจำฐานที่ออกและถอยกลับเพื่อให้จดจำ ขอบเขต ตำแหน่ง ระยะของฐาน

    ส่วนศีลเป็นเครื่องรักษา สติเป็นสิ่งระลึก สมาธิเป็นกำลัง ความศักดิ์สิทธิ์มาจากคุณธรรมของเราที่สะสมเมื่อระลึกถึงพุทธคุณกำลังสมาธิที่มี ศีลที่มี คุณธรรมที่เคยสะสมมาจะแสดง
    กำลังกระจายแผ่ปกคลุมกายและจิตแต่ไม่ไปทำร้ายวิญญาณด้วยการเบียดเบียน

    เพียงแต่ทำการรักษาปกป้องความเย็นที่แผ่ออกมาในรูปจิตที่สัมปยุต์กับสมาธิ คุณธรรม ศีลจะแสดงในรูปแสงสีรัศมีของตัวเราออกมาตามสีสรรและคุณธรรมของเรา

    เรื่องสีพี่เคยแจงเอาไว้อยู่คราวหลังสังเกตุดูจะรู้ว่าเราสะสมคุณธรรมชนิดไหนได้อีกด้วย
    ขออนุโมทนาและอย่าไปหวังผลอยากมีอยากได้ มันจะมีมันจะออกมันมีเหตุปัจจัย

    ฝึกสมาธิเพื่อเอากำลังเอาไว้เพื่อพบใจที่มั่นคง ส่วนการถอดกายละเอียดเอาเป็นเครื่องอยู่เพื่อเห็นว่า วิญญาณนั้นมีจริง ผีมีอยู่จริงเพราะเห็นผีเห็นวิญญาณของเราถ้าไม่เชื่อตัวเองจะเชื่อใครได้อีก

    ถ้ามีกิเลสตั้งเอาไว้ว่าอยากจะได้จะทำ มันจะเกิดสัญญาชนิดหนึ่งที่จะพยายามเข้าถึงและสัญญาตัวนี้จะเป็นเหตุให้สมาธิหมดกำลังเพราะสัญญามีกิเลสเจืออกุศลคืออยากมีอยากไป
    จำเอาไว้ทำสบายๆเหมือนเดิมไม่ต้องหวังผล

    มันจะมี จะมา จะไป มันจะมาให้รู้เอง พอทำบ่อยๆ เห็นบ่อยๆ มันจะชำนาญ ฝึกสมาธิเอานะ
    และอบรมสติตนเองตามร้กายรู้จิตแบบธรรมดาคือแค่รู้ว่ากำลังทำอะไรเสมอๆบ่อยๆ

    สมาธิ สติจะมีกำลังมากขึ้น
    ขออนุโมทนาครับ
     
  11. kung_9894

    kung_9894 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    186
    ค่าพลัง:
    +1,584
    ขอบพระคุณค่ะ

    ขอบพระคุณอย่างสูงค่ะ
    กุ้ง
    อนุโมทนาด้วยนะคะ

     
  12. SONICx

    SONICx เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    113
    ค่าพลัง:
    +225
    ขอบคุณครับพี่
     
  13. ชัชวาล เพ่งวรรธนะ

    ชัชวาล เพ่งวรรธนะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    843
    ค่าพลัง:
    +4,120
    ตอบน้องกุ้ง

    หนังสือพี่คาดว่าคงจะหาส่งให้น้องกุ้งได้ในจันทร์หน้านะครับ
    อาทิตย์นี้พอดีเข้าเชียงใหม่หลายวันครับ
    กลับบ้านแล้วและจัดส่งให้จะแจ้งให้ทราบอีกครั้งครับ
    พี่อ้อง
     
  14. kung_9894

    kung_9894 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    186
    ค่าพลัง:
    +1,584
    รบกวนสอบถามค่ะ

    เรียนพี่อ้องค่ะ
    ก่อนอื่นหนูต้องขอขอบพระคุณเป็นอย่างสูงนะคะ ที่กรุณาหาหนังสือให้
    ขออนุโมทนาบุญในความกรุณาของพี่ด้วย ขอให้อานิสงค์แห่งการเผยแพร่ธรรมะเหล่านี้ได้ส่งผลให้พี่อ้องได้บรรลุถึงพระนิพพานสมดังที่ตั้งใจไว้ด้วยนะคะ
    หนูมีเรื่องมาเล่าค่ะ คือตอนที่หนูอายุได้ประมาณ 17 ปี อยู่ม.5 นะคะ ฝันว่าคุณยายที่เสียไปแล้วมาจูงมือพาไปที่แห่งหนึ่ง เป็นถ้ำใหญ่ๆนะคะ แล้วเราก็เดินกันเข้าไป ข้างในใหญ่โตอลังการมาก มีคนแต่งชุดขาวเดินเข้าแถวกันไป แล้วก็ข้างในจะมีพระนั่งอยู่หลายรูป ข้างในสว่างมาก หันกลับมาดูหนูกับคุณยาย ปรากฏว่าแต่งชุดขาวทั้งคู่กำลังเดินเข้าไปค่ะ มีความรู้สึกว่าเย็น แบบสบายใจมาก หนูก็ถามยายว่าที่ไหน ยายบอกว่าวัดหินหมากเป้ง ไปหาหลวงปู่เทสก์ เทสก์รังสี แล้วยายก็พาหนูมาส่งหลังจากนั้น แล้วก็บอกหนูว่ายายได้ให้มนต์ไว้กับหนูที่ข้อมือซ้ายแต่คนจะมองไม่เห็น เป็นคาถาว่าใครเห็นใครรัก ใครเห็นใครเมตตา หลังจากนั้นหนูก็ตื่นมา ยังรู้สึกซาบซึ้งกับอารมณ์นั้นนะคะ เหมือนกับอยากจะร้องไห้ออกมาเลย หลังจากวันนั้นต่อมาหนูไปเข้าห้องสมุด แล้วเปิดหนังสือเล่มหนึ่งมีวัดหินหมากเป้งจริงๆและก็มีหลวงปู่เทสก์ เทสรังสีจริงๆ หนูขนลุกซู่เลยค่ะ เด็กม.5 ไม่เคยรู้จักอะไรแบบนี้เลยนะคะ หลังจากนั้นหนูก็เริ่มสนใจในการอ่านหนังสือเกี่ยวกับสมาธิ และนั่งเอง แต่พอถึงจังหวะที่นั่งแล้วเริ่มเงียบ ไม่รู้สึกว่ามีร่างกายอยู่ พอปรากฎแสงสว่างมา หนูจะออกจากสมาธิทุกทีเลย เพราะรู้สึกกลัวค่ะ ตอนนี้มาอ่านกระทู้พี่ทำให้อยากจะตั้งใจฝึกอีกครั้ง
    เพราะเหมือนกับมีอะไรมาดลใจให้หนูสนใจในเรื่องเหล่านี้นะคะ คือว่าอ่านแล้วรู้สึกว่าใช่นะ ที่เราทำอยู่แต่หนูยังอยู่ในขั้นเริ่มต้น คงต้องพัฒนาอีกมาก
    ยังไงอาจต้องขอคำแนะนำจากพี่ด้วยนะคะ
    ขออนุโมทนาในบุญกุศลที่พี่อ้องได้กระทำมาด้วยนะคะ
    กุ้ง
     
  15. ชัชวาล เพ่งวรรธนะ

    ชัชวาล เพ่งวรรธนะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    843
    ค่าพลัง:
    +4,120
    ทานนำพาสู่นิพพานได้

    <!--emo&:09:-->[​IMG]<!--endemo--> อนุโมทนาครับ

    หลักและแก่นแท้แห่งทานนำพาไปสู่นิพพานได้เมื่่อเข้าถึงแก่น...

    ทานในความเข้าใจของอ้องนะครับผิดพลาดพึงขออภัย <!--emo&:09:-->[​IMG]<!--endemo-->

    พระพุทธองค์ฉลาดในการวางทานเป็นเบื้องต้นคือการสละออก

    ท่านสอนให้สละวัตถุที่เราไปยึดโดยการทำทานเมื่อเรารู้จักกล้าสละกล้าให้นั่นก็คือเบื้องต้นแห่งทานเพราะความจริง...

    พระพุทธองค์สรรเสริญทานประเภทการสละออกจากอารมณ์ที่จิตเข้าไปยึดในรูปลักษณะ

    เมื่อจิตเราเหนือวัตถุมากขึ้นทานที่เป็นแก่นแท้จะปรากฏคือสละอารมณ์
    อารมณ์ ที่ดี ปราณีต เราใช้ทานเบื้องต้นที่ฝึกอบรมมาดีแล้วมาสลัดคืนให้ไปแม้ขึ้นชื่อว่าเป็นรูป หรืออรูปละเอียดปานใดเราก็กล้าที่สละเพราะเข้าถึงแก่นแห่งทานคือสลัดคืน

    เพื่อคลายยึดในอารมณ์ทั้งหลาย

    เมื่อ จิตเราแยกออกจากอารมณ์และรู้ทันในอุปทานท้ายที่สุดก็วางอารมณ์แม้อารมณ์ใด ปรากฏก็ไม่เข้าไปยึดในอารมณ์นั้นๆโดยวางมันลง ทุกข์จะมาจากที่ไหน

    หลวงพ่อชาสอนว่า"ทำแทบตายแค่วางอารมณ์ก็จบ"

    แก่นแห่งทานที่พระพุทธองค์สอนคือทานเพื่อก้าวข้ามโอฆะ
    และทรงวางทานเอาไว้เพื่อความไม่เดือดร้อนตน

    ทรงวางทานเพื่อการอบรมพัฒนาคุณธรรมจากการให้จนจิตใจเหนือวัตถุ
    และหันมาสละอารมณ์ท้ายสุดก็คือวางอารมณ์

    ถ้าเราทำทานเพื่อกิเลสก็อยู่ในโลกแห่งกิเลส
    ถ้าเราทำทานเพื่อคลายออกเราจะพบสันติสุข

    อ้องคงพูดตรงๆว่า...
    ขอให้เพื่อนๆทำทานเพื่อให้จิตมันเหนือวัตถุ
    เหนืออารมณ์ที่มาบีบรัดให้กระเพื่อมหวั่นไหว
    และท้ายสุดก็คือวางลง ทุกข์ย่อมไม่ปรากฏอีกต่อไป

    <!--emo&:09:-->[​IMG]<!--endemo--> ขออนุโมทนา คุณมุ่งเต็มใจที่ยกเรื่องทานด้วยครับ

    การให้ธรรมทานชนะการให้ทั้งปวงรวมทั้งชนะใจแห่งตน
    วัตถุไม่มีอำนาจเหนือใจ
    อารมณ์ไม่มีอำนาจเหนือสติ
    พบสิ่งใดสลัดคืนให้โลก
    ทิ้งเอาไว้เบื้องหลังไม่ใยดี
    เหนือโลกเหนือธรรมชาติเหนือสรรพสิ่งคือไร้กิเลสตัณหาอุปทานในสรรพสิ่ง
    แค่วางมันลง วางมันลง ปล่อยวางมันลง สบายๆ ธรรมดา ง่ายๆ ไม่ต้องพลิกแพลง
    ไม่เลิศหล้าจบแดน ไม่มีสิ่งวิเศษ ไม่มีสิ่งเหนือกว่า นอกจากพบใจประหารใจให้ผ่องใส
    สิ้นภพจบกิจแห่งพรหมจรรย์ <!--emo&:09:-->[​IMG]<!--endemo-->

    ผิดพลาดขออภัยเป็นความเห็นส่วนตนครับ <!--emo&:09:-->[​IMG]
     
  16. ชัชวาล เพ่งวรรธนะ

    ชัชวาล เพ่งวรรธนะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    843
    ค่าพลัง:
    +4,120
    ไม่เกรงใจนรกด้วยเพราะคุณธรรมนำหน้า

    ผิดถูกเป็นโลกธรรม

    ดีชั่วเราดูที่ศีลดูที่เจตนา

    สิ่งใดที่กระทำไปด้วยกาย วาจา ใจ สุจริตย่อมได้รับความร่มเย็นผ่องใสในอารมณ์(บุญ)

    สิ่งใดกระทำไปด้วย กาย วาจา ใจ ที่ทุจริตย่อมได้รับความอึดอัดเศร้าหมองคับแคบ(บาป)

    ไม่ว่าอาชีพใดถ้าผู้ทำมีเจตนาบริสุทธิ์ที่ออกมาจากใจบริสุทธิ์ก็เปรียบดั่ง

    ดวงอาทิตย์ยามเช้าที่อบอุ่น
    ไร้หมอก ไร้เมฆ มาปกคลุม
    กระจ่างแจ้งปรากฏอยู่กลางใจ
    ใยเล่าต้องละอาย
    ใยเล่าต้องเกรงกลัว
    ดีชั่วเป็นสิ่งถูกรู้
    เพียงแค่มีสติและคุณธรรม
    ย่อมปราศจากความละอายดั่งใจที่ขาวสะอาด

    สัมมัปปทาน๔เจริญให้มาก บาปจะมาจากไหนกัน

    คนไข้เทิดทูนบูชาหมอ ดุจดั่งบิดามารดาที่อุ้มชูบุตร
    ไปถามคนไข้ที่โรงพยาบาลได้นะครับ
    หมอที่มีคุณธรรมมีมากเสียสละอุทิศตนทำงานหนักและต้องตามดูแลคนไข้
    ดุจดั่งลูกของตน มีเยอะนะครับ

    อาชีพทุกอาชีพมีทั้งคนดีและไม่ดี

    แม้โสเภนีบางคนก็หาเงินก้อนโตเพื่อรักษามะเร็งมารักษาแม่

    ยอมเสียสละและยอมสร้างกรรมเพื่อทดแทนคุณ ลักษณะนี้คือคุณธรรมนำหน้าโดยไม่เกรงใจนรก ยอมตกนรกเพื่อทดแทนคุณ

    พระนเรศวร พระเจ้าตาก นักรบสมัยก่อน ต้องบุกตีชิงเมืองและขับไล่อริราชศัตรูเพื่อความสงบความร่มเย็นแห่งแผ่นดิน นี่ก็คุณธรรมนำหน้า ไม่เกรงใจบาปกรรมเพื่อความสงบร่มเย็นแห่งปวงชน

    เคยมีภรรยาหลอกถามความรักของสามีว่า
    "ถ้าเธอเห็นแม่เธอและฉันตกน้ำพร้อมกันเธอจะช่วยใคร"คำตอบของสามีสุดที่รักคือ

    "ถามได้โง่จังเลย ก็ต้องช่วยแม่ก่อนซิ"

    ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ ในช่วงแห่งการตัดสินใจสิ่งใด ในช่วงแห่งเสี้ยวของการกระทำใดๆที่จะปรากฏ

    ความดี ความชั่ว จะอยู่ที่คุณธรรมที่สะสมจะแสดงกำลังของมันออกมาด้วยการกระทำ

    การที่เราละอกุศลเนืองๆและสะสมกุศลเนืองๆ
    การที่เราเจริญโพธิปักขิยธรรม๓๗องค์ธรรมแห่งการสะสมคุณธรรมในการตรัสรู้

    คุณธรรมทั้งหลายอยู่ที่เสี้ยววินาทีแห่งการตัดสินใจเพียงชั่วแวบเดียว
    สิ่งใดที่สะสมมามากจะมีอำนาจมากสิ่งใดที่สะสมมาน้อยจะมีอำนาจน้อย

    คนที่กล้าทำสิ่งดีชนิดไม่เกรงใจนรกแต่เพื่อคนอื่นเพื่อทดแทนคุณ
    เพื่อความผาสุขแห่งปวงชน

    บุคคลพวกนี้ต้องมีใจที่ยิ่งใหญ่ กล้าทำในสิ่งที่คนอื่นแทบไม่อยากทำ

    เราไม่ลงนรกแล้วใครจะลง เราจะลงนรกเพื่อปวงชนถ้าทำให้ปวงชนมีความผาสุข
    เราจะลงนรกเพื่อทดแทนคุณบิดามารดาแม้จะฝืนใจ
    เรากล้าที่จะยอมพลีกายถวายชีวิตเพื่อความสุขแห่งมหาชน

    มหาตมะคานธีที่ยิ่งใหญ่...

    แม่ชีเทเรซ่าที่อุทิศตนโดยไม่รังเกียจความสกปรกของปวงชน

    คุณหมอที่คิดค้นวัคซีนทำให้ประชาชนนับร้อยล้าน
    พ้นจากโรคภัยแต่ยอมฆ่าสัตว์เพื่อการทดลองในการค้นคว้า

    ถ้าถามอ้องว่าคุณธรรมกับบาปกรรมเราควรแยกออกจากกันเพราะนำมาเปรียบเทียบกันไม่ได้เลยสำหรับกรณีที่ทำเพื่อปวงชน

    คนที่ไม่เกรงใจนรก ท้าทายและกล้าทำ กล้ารับ

    คนที่ไม่กลัวกรรมชั่ว แต่มีสำนึก เมื่อผิดพลาดก็แก้ไข ไม่ไปอ้อนวอน
    ไม่ไปสวดมนต์ร้องขอให้พ้นผิด
    ไม่ไปภาวนาเพื่อขอร้องเจ้ากรรมอย่าทำผมเลย
    คนพวกนี้ละแก้ไขในอารมณ์อย่างแท้จริงเพราะดีชั่วที่ทำไปแก้ไขไม่ได้

    ทำไปแล้วเป็นอดีตกรรม ผ่านมาแล้ว
    ทำมาแล้ว กล้าทำก็ต้องกล้ารับ

    พระพุทธองค์จึงสอนให้เจริญคุณธรรมเพื่อสำนึกตน เพื่อการตื่นรู้ฉับพลัน
    เพื่อสติ เพื่อรู้จักอารม์ทั้งดีและชั่วและไม่ไปก่อร่างสร้างเพิ่มด้วยการตื่นรู้

    คนที่เอาแต่แก้ไขจะกลายเป็นคนขี้แพ้ตลอดไป
    คนที่เอาแต่หนีหน้า อ้อนวอนร้องขอ

    เปรียบเหมือนดั่ง...

    คนที่ไม่ยอมรับผิด โกหกตนเองไปวันๆ เอาแต่ลบล้างบาปกรรมแต่ก็ไปกระทำเพิ่ม

    พระพุทธองค์สอนให้รู้ ไม่เคยสอนให้หนี
    พระพุทธองค์สอนให้ละ ไม่ได้สอนให้หลง
    พระพุทธองค์สอนสติเพื่อตื่น เพื่อสำนึก ไม่ใช่ไปแก้ไข

    ลูกผู้ชายกล้าทำก็ต้องกล้ารับ
    ลูกผู้หญิงกล้าทำก็ต้องทนงตนสู้ความจริง

    ทำไมไม่ไปแก้ไขความดี
    แต่ชอบจังไปแก้ไขความชั่ว
    นี่หล่ะโรคติดดีรังเกียจชั่ว นี่ล่ะโลกธรรม๘ที่ทำให้หลงงมงาย

    พระพุทธองค์สอนให้ก้าวข้ามโอฆะ
    บาปอกุศลนั้นอย่าไปกลัวมันอีกเลยวางมันลงไปเถอะ
    แต่ให้รู้อกุศล รู้บาปที่ปรากฏ รู้เพื่อตื่น เพื่อไม่หลงและสู้กับทุกข์สัจจะที่กายและจิต
    อริยสัจ๔ธรรมอันประเสริฐย่อมปรากฏแก่เพื่อนๆที่มาสู้กับความจริง

    ขออนุโมทนาครับ
    ผิดพลาดขออภัยด้วย
    อ้องครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 สิงหาคม 2009
  17. tummai

    tummai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มกราคม 2006
    โพสต์:
    84
    ค่าพลัง:
    +132
    เรียนพี่อ้อง จิตรวมคืออะไรคะ แล้วทำอย่างไรถึงจะรวมได้ แล้วรวมเพื่ออะไร
     
  18. ชัชวาล เพ่งวรรธนะ

    ชัชวาล เพ่งวรรธนะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    843
    ค่าพลัง:
    +4,120
    ง่ายมากๆ...จิตรวมเนี่ย
    จิตซัดส่ายไปที่ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ เดี๋ยวก็วิ่งไปในทวารทั้ง๖แห่งนี้ล่ะ
    เมื่อจิตซัดส่าย สมาธิย่อมไม่ปรากฏ
    สมาธิคือการทำให้จิตตั้งมั่นในอารมณ์หนึ่ง

    เราจึงต้องวางตำแหน่ง จริตแห่งกรรมฐานเพื่อเอาไว้ในจุด ในตำแหน่ง
    เหมือนที่น้องดูคอมอ่านข้อความพี่อ้อง
    นี่ก็เรียกว่าจิตรวม รวมมาอยู่หน้าจอ รวมมาที่ตัวหนังสือ เห็นและก็คิดมันจึงรู้เรื่อง

    เพียงแต่สมาธินี้เป็นสมาธิในทางโลกเทียบได้แค่ขณิกสมาธิโดยมีกิเลสคืออยากอ่าน อยากรู้เป็นตัวนำ

    จิตรวม...
    เรารวมเพื่อเข้าสู่ในอารมณ์หนึ่งอย่างมั่นคง
    เราจึงทำสมาธิเพื่อพบใจ
    เพราะใจในสัมมาสมาธินั้นคือเป็นที่ตั้งมั่นที่สุด เที่ยงธรรม ไม่อิงอาศัยโลก
    บริสุทธิ์ มีกำลังของสติ ไร้ทุกข์ ไร้สุข เราเอาใจมาพิจารณาธรรมก็จะพบธรรม

    น้องลองกำมือแน่นๆและส่งจิตไปที่จุด ตำแหน่งที่แน่นๆ จิตมันจะรวมเข้าไปทีละน้อยอยู่แต่ในอุ้งมือ

    ถ้าเราทำสมาธิแล้วแล้วเราไม่ส่งจิตซัดส่ายไปที่ตา หู จมูก ลิ้น กาย
    เรามาวางมันไว้ที่ตำแหน่งใจ วางตรงไหนก็ได้ จริตชอบในกรรมฐานใดก็ทำได้
    ถ้าเราวางเอาไว้นานเข้า จิตมันจะรวมเข้าไปในตำแหน่งที่เราวางเอาไว้

    กายหยาบจะหายไป ลมจะหายไป เหลือแต่ใจเด่นดวงขึ้นมา เราจะรู้ถึงการรวมจิตด้วยสติที่ดำรงค์อยู่เฉพาะหน้าแบบไม่หวั่นไหว เหมือนดิ่ง เหมือนวูบ มีแต่ความสงบ สบาย ปิติ สุข
    ที่จะผ่านเข้ามาเป็นลำดับ เราจะเห็นกำลังที่ปรากฏ ความสันโดษ ความเงียบสงบ

    ช่วงที่จิตรวม ตา หู จมูก ลิ้น กาย มันหายไปหมด อยู่แต่ตำแหน่งใจที่เราวางเอาไว้
    จนพบใจคือเอกัคคคารมณ์ มีอุเบกขาปรากฏอย่างเที่ยงธรรม

    ปัจจุบันคนทำสมาธิกันได้ยากขึ้นจึงต้องใช้การตามรู้สภาวะธรรม ใช้วิปัสสนานำปัญญานำสมาธิครับ
     
  19. ชัชวาล เพ่งวรรธนะ

    ชัชวาล เพ่งวรรธนะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    843
    ค่าพลัง:
    +4,120
    ตอบเพื่อนที่ลานธรรม

    [​IMG]<!--endemo--> หลอมกลมกลืนเข้ากับสรรพสิ่ง
    ไร้สมมุติไร้จุดไร้ตำแหน่งภพย่อมไม่ปรากฎ
    ลมเป็นธรรมชาติใบไม้เป็นธรรมชาติ
    จิตเป็นธรรมชาติเจตนาเจตสิกเป็นธรรมชาติ

    เราจะหลอมกลมกลืนเข้าสู่สรรพสิ่งต้องหาต้นตอของการเข้าไปรับรู้สรรพสิ่ง
    ต้นตอเป็นเหตุเพราะกายและจิตไปยึดสรรพสิ่งและตัวมัน
    เหตุเพราะจิตส่งออกนอกจึงปรากฏทุกข์
    เหตุเพราะใจมืดบอดด้วยอวิชชาจึงส่งจิตออกมารับรู้

    ไม่ว่าที่ใดแม้มีเสี้ยวแห่งจุดแม้เพียงจุลเล็กๆก็คือภพ...
    มีตำแหน่งให้สืบค้น มีช่องว่างแห่งกาลเวลาปรากฏ
    มีสิ่งที่เป็นคู่ให้เทียบเคียงเป็นโลกธรรม

    เราตกอยู่ภายใต้อำนาจของโลก
    รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัสเป็นของโลก

    ใจไม่รู้เพราะมืดบอดไปส่งจิตซัดส่ายมาภายนอกเพราะเริ่มจาก
    ผัสสะกระทบที่มีแต่ทุกข์
    เพราะใจไม่มีปัญญายังอ่อนด้อยจึงถูกครอบงำด้วยอวิชชา

    ทุกข์และหนีทุกข์...เป็นธรรมชาติและเป็นเรื่องธรรมดาของจิตที่เวียนว่ายใน
    โลกแห่งเงามายาเพราะความเกิดดับ ความเร็วมหาวินาศของจิต
    จนเห็นเป็นรูปเรา ความคิดเรา ของๆเรา

    จิตจับต้องไม่่ได้ ไม่มีตัวตนแต่ดันไปสร้างกาย สร้างวิญญาณแห่งอายตนะ
    สร้างถ้ำโพลงให้มันมีที่อาศัยเพื่อรับรู้อารมณ์ผัสสะกระทบจากโลกภายนอก

    พระพุทธองค์ทรงตรัสสอนในเรื่องที่ง่ายๆสำหรับคนที่จะหันหลังหนีออกจากโลก
    ท่านสอนเพียงแค่ให้รู้ความจริงแบบง่ายๆ
    รู้และเห็นตรงต้นเหตุแบบธรรมดา
    ไม่ต้องพลิกแพลงไม่ต้องดัดแปลง

    สรรพสิ่งคือเพียงแค่สิ่งธรรมดา
    ลมไม่เป็นโทษใบไม้ไร้พิษภัย
    มันก็เป็นไปตามธรรมดาของมันเป็นเรื่องธรรมชาติที่ต้องถูกย่อยสลายเปลี่ยนแปลง

    เมื่อเราอาศัยโลก อาศัยอยู่ในภพ31ภพก็คือโลกทั้งสิ้น
    เราเวียนว่ายในสังสารวัฎทั้ง31ภพไม่รู้จบเพราะเราทำตัวกันแบบไม่ธรรมดาคือติดอารมณ์
    ของโลก

    พระพุทธองค์จึงให้เราฝึกมหาสติเพื่อให้ตื่นและสอนสมาธิเพื่อจิตตั้งมั่นในอารมณ์หนึ่ง
    เพื่อรู้อย่างถูกต้องมรรคย่อมเดินอย่างมั่นคง

    สรรพสิ่งที่เราไปยึดเราจะคลายออกจากสมมุติเราจึงต้องรู้สภาวะของรูปลักษณะ

    พบรูปลักษณะทำลายรูปลักษณะ ปิดทวารทั้ง๕ ประหารใจให้ผ่องใสในอินทรีย์
    ศรัทธา วิริยะ สติ สมาธิ ปัญญา ที่อบรมมาดีแล้วจะทำลายโลกในต้นเหตุ
    ที่กายและใจด้วการคลายออกเพราะเห็นความจริงอย่างสถาพร

    การกระทบของอายตนะภายในและภายนอกไม่น่ากลัวเท่ากับอารมณ์ที่ปรากฏ
    แม้เพียงเสี้ยวจุดแห่งจุลยังเห็นคลื่นใจหวั่นไหวภพยังปรากฏ
    เราจะวางอารมณ์เราจึงต้องรู้จักอารมณ์ทั้งหลายคือสภาวะธรรม
    รู้ทั้งๆที่มี ไม่มี เฉยๆ และรู้เข้าไปอีกว่า อารมณ์ทั้งหลายแม้มีรูปลักษณะมากมาย
    แต่มีสิ่งที่เหมือนกันคือ ไม่มีคำว่าอมตะ สถาพร มั่นคง มีแต่โทษ มีแต่พิษ มีแต่วิปราส
    ตกอยู่ภายใต้ของธรรมชาติที่ธรรมดาที่สุดคือพระไตรลักษณะ

    พบใจประหารใจย้อนทวนเข้าหาใจทำอย่างไรให้ใจผ่องใส
    ก็ให้ใจที่เป็นผู้เที่ยงธรรม มั่นคง ไร้สุข ไร้ทุกข์ มีกำลังของสติ มีความบริสุทธิ์
    พิจารณาลงไปที่ขันธ์คือกายและใจ รูปนามอันเป็นตัวต้นเหตุแห่งทุกข์ทั้งมวล

    ถ้าใจไม่เอารูปลักษณะ ไม่เอาจุด ไม่เอาตำแหน่ง จะปรากฏจิตหนึ่งในธรรมหนึ่ง
    อยู่กับหนึ่ง เหนือช่องว่างเพราะไร้ช่องว่าง
    เหนือกาลเวลาเพราะไม่อิงเวลา
    เหนือโลกเพราะไม่เอาโลก
    เหนือภพเพราะไร้้ภพ
    เหนือกิเลสที่ปรากฏเพราะรู้เท่าทันกิเลส
    เหนือตัณหาเพราะดับสิ้นในตัณหา
    เหนืออุปทานเพราะรู้แจ้ง

    อวิชาพลันสลายดั่งท้องฟ้ายามรุ่งสาง
    สว่างสดใสอบอุ่นแสนร่มรืื่น
    อิสรไร้สรรพสิ่งเหนืออื่นใด
    หลอมกลมกลืนเป็นหนึ่งไม่แบ่งเรา
    อยู่แต่มหากริยาจิต
    แม้กิเลสมากระทบไม่หวั่นไหว
    อยู่แต่หนึ่งไม่มีสองมาครองใจ
    โลกธรรมที่หวั่นไหวมลายสิ้นผ่องอินทรีย์

    ผิดพลาดขออภัยเป็นความเห็นส่วนตัวล้วนๆของอ้องนะคุณแมว
    อ้องศึกษามาได้แค่นี้ครับ <!--emo&:09:-->[​IMG]
     
  20. tummai

    tummai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มกราคม 2006
    โพสต์:
    84
    ค่าพลัง:
    +132
    ภาวนาพุทโธ แล้วดูตามลมหายใจ เข้าออก ตั้งแต่ปลายจมูกจนถึงกระบังลม
    จิตจะรวมมั๊ยคะ
    หรือว่าทำใจนิ่งๆไว้ที่ลิ้นปี่
    หรือว่าทำใจว่างๆ โล่งๆ ไม่ต้องภาวนาไม่ต้องคิดอะไร ไม่ต้องกำหนดอะไร
    ทั้ง 3 อย่างนี้อย่างไหนที่ทำให้เกิดจิตรวมเร็วที่สุดคะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...