ตอบปัญหาทางธรรม กฏแห่งกรรม-ภพภูมิ

สวัสดีครับอาจารย์ TJS
แฟนผมได้เล่าเรื่องราวความน่าเคารพของท่านให้ทราบมาเมื่อเช้านี้เองครับ ซึ่งพอผมฟังแล้วรู้สึกขนลุกและศรัทธามากครับ ผมจึงอยากรบกวนขอความเมตตาสอบถามอาจารย์ด้วยครับ
1. ผมเกิดวันอังคาร ที่ 9 เมษายน 2534 มีดวงชะตาเป็นอย่างไรครับ
2. ชาติที่แล้วเกิดผมเป็นอะไร และส่งผลอย่างไรถึงชาตินี้บ้างครับ
3. ผมมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ดูแลไหมครับถ้ามีแล้วท่านคือใครครับ ผมต้องปฏิบัติอย่างไรถึงจะถูกต้องเหมาะสมครับ
4. เจ้ากรรมนายเวรของผมเป็นใคร มีไหม ผมติดบ่วงกรรมตรงไหนอยู่บ้างครับ และผมต้องปฏิบัติอย่างไรครับ
5. สอบถามเรื่องการงาน การเงิน โชคลาภ ครับตอนนี้ผมเป็นเสาหลักของครอบครัวมี8ชีวิตครับ ซึ่งประกอบด้วยผม แฟน และแมวอีก6ตัว ซึ่งก็ถือว่าหนักอยู่ครับ
6. ตั้งแต่ผมคบกับแฟนคนนี้ ทำให้ผมรู้สึกเข้าใกล้ธรรมมากยิ่งขึ้น ซึ่งอนาคต เราตั้งใจจะไปอยู่ทางภาคเหนือด้วยกันครับ แฟนผมสนใจเรื่องปฏิบัติธรรมเป็นอย่างมากครับ เขาตั้งใจจะไปนิพพานในชาตินี้ ซึ่งตัวผมเองไม่ได้ชื่นชอบเท่าตัวของแฟนผมครับ แต่รู้สึกโอเคสนับสนุนสิ่งที่แฟนตั้งใจครับ ส่วนตัวของผมเอง ผมสนใจอยากช่วยเหลือผู้คนที่เขาลำบากกว่าเรามากกว่า จึงอยากรบกวนสอบถามอาจารย์ว่า สิ่งที่ตั้งใจไว้ในอนาคต จะได้ไปเหนือไหมครับ จะร่วมดูแลและส่งแฟนไปนิพพานได้ไหมครับ
7. ผมกับแฟน ใช่เป็นคู่แท้กันหรือไม่ครับ
8.รบกวนขอคำชี้แนะจากท่านอาจารย์ถึงตัวผม เพื่อเป็นแนวทางด้วยครับ

ท้ายที่สุดนี้ ขอรบกวนอาจารย์ไขข้อข้องใจต่างๆให้ผมทีครับ ขอบคุณท่านอาจารย์ TJS มากครับ

 

ขอตอบดังนี้
แฟนผมได้เล่าเรื่องราวความน่าเคารพของท่านให้ทราบมาเมื่อเช้านี้เองครับ ซึ่งพอผมฟังแล้วรู้สึกขนลุกและศรัทธามากครับ ผมจึงอยากรบกวนขอความเมตตาสอบถามอาจารย์ด้วยครับ
1. ผมเกิดวันอังคาร ที่ 9 เมษายน 2534 มีดวงชะตาเป็นอย่างไรครับ
======
วาสนาดีครับ ในการเกิดดี ปั้นปลายดี แต่ระหว่างกลางมีอุปสรรคหลายด้าน แต่จะผ่านไปได้ด้วยดี ปั้นปลายมีความสุขดี แต่มีกรรมเกิดผลต่อร่างกายสุขภาพ การแก้ไขกรรมด้วยการให้ทานชีวิตสัตว์ การถือศีลภาวนาจะดีมากครับ


2. ชาติที่แล้วเกิดผมเป็นอะไร และส่งผลอย่างไรถึงชาตินี้บ้างครับ
======
เคยเกิดเป็นข้าราชการทำงานหลวงให้แผ่นดินทางโยนกนคร วาสนาดี มาก แต่ก็มีกรรมจากการไปเบียดเบียนทำร้ายคนที่เขาด้อยกว่า ทำร้ายสัตว์พวกช้างมาวัวควาย
กรรมในชาตินี้ส่งผลมาจากกรรมในหลายๆชาติครับผสมกัน จึงให้ผลทั้งดีและไม่ดี

3. ผมมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ดูแลไหมครับถ้ามีแล้วท่านคือใครครับ ผมต้องปฏิบัติอย่างไรถึงจะถูกต้องเหมาะสมครับ
=======
มีเทพคือท่านพระอินทร์ พระพรหม ปู่ฏาษีทางเหนือไม่ทราบชื่อและมีพระโพธิสัตว์ครับ

4. เจ้ากรรมนายเวรของผมเป็นใคร มีไหม ผมติดบ่วงกรรมตรงไหนอยู่บ้างครับ และผมต้องปฏิบัติอย่างไรครับ
=======
กรรมจากการเบียดเบียนทำร้ายและการฆ่าสัตว์ เกิดภัยกับชีวิต ต้องทำบุญให้บ่อยๆจะดีมาก บวชพรามหบ้างและต้องไม่ฆ่าสัตว์ ให้ทานชีวิตสัตว์บ่อยๆ

5. สอบถามเรื่องการงาน การเงิน โชคลาภ ครับตอนนี้ผมเป็นเสาหลักของครอบครัวมี8ชีวิตครับ ซึ่งประกอบด้วยผม แฟน และแมวอีก6ตัว ซึ่งก็ถือว่าหนักอยู่ครับ
======
ไม่หนักผ่านไปได้ครับ เมื่อถึงเวลาจะมีบุตรที่มีวาสนาดีมาเกิดครับเป็นชายผิวขาวเหลือง เขาจะได้เกิดในวันพฤหัสกลางคืน เช้ามาจะเป็นวันศุกร์อีกไม่นานมากไม่เกิน3-5ปี

6. ตั้งแต่ผมคบกับแฟนคนนี้ ทำให้ผมรู้สึกเข้าใกล้ธรรมมากยิ่งขึ้น ซึ่งอนาคต เราตั้งใจจะไปอยู่ทางภาคเหนือด้วยกันครับ แฟนผมสนใจเรื่องปฏิบัติธรรมเป็นอย่างมากครับ เขาตั้งใจจะไปนิพพานในชาตินี้ ซึ่งตัวผมเองไม่ได้ชื่นชอบเท่าตัวของแฟนผมครับ แต่รู้สึกโอเคสนับสนุนสิ่งที่แฟนตั้งใจครับ ส่วนตัวของผมเอง ผมสนใจอยากช่วยเหลือผู้คนที่เขาลำบากกว่าเรามากกว่า จึงอยากรบกวนสอบถามอาจารย์ว่า สิ่งที่ตั้งใจไว้ในอนาคต จะได้ไปเหนือไหมครับ จะร่วมดูแลและส่งแฟนไปนิพพานได้ไหมครับ
========
ชะตาได้กำหนดไว้แล้วเช่นนี้ครับ และด้วยศรัทธาของเราย่อมสมปราถนา

7. ผมกับแฟน ใช่เป็นคู่แท้กันหรือไม่ครับ
========
คู่แท้ ครับ

8.รบกวนขอคำชี้แนะจากท่านอาจารย์ถึงตัวผม เพื่อเป็นแนวทางด้วยครับ
=====
กำลังใจปานกลาง ขอให้เจริญภาวนาสร้างปัญญาให้มาก จะมีผลช่วยให้จิตใจกล้าหาญและไม่เกรงกลัวต่อมารใดๆ จิตจะก้าวไปสู่ความดี สูงขึ้นครับส่งผลให้บารมีก้าวหน้ายิ่งขึ้น ยังไม่ไปนิพพาน ก็ต้องหมั่นสั่งสมบารมีบุญให้มากต่อเนื่องต่อไปครับ

 

ขอบพระคุณที่เสียสละเวลาตอบไขข้อข้องใจมากๆครับอาจารย์

 

รอฟังคำตอบอยู่นะครับ ขอความเมตตาท่านด้วยครับ

 

ชะตากรรมเป็นผู้กำหนดหนทางและเส้นทางแห่งชีวิต

สติปัญญาเป็นเครื่องมือฝ่าฟันอุปสรรคให้ก้าวล่วงพ้นไป

จิตเป็นนายใหญ่กุมกำลังก้าวข้ามวิบากกรรม และเป็นผู้นำสติปัญญาเลือกสรรพ์สรรพวิธี

ต่อสู้กับความไม่ดี ทำลายล้างอวิชา ก้าวล่วงสู่ความดี แม้ทุกข์ก็จะไม่มีทุกข์ แต่จะผ่านเปลือกตมอันสกปรกไปสู่ความขาวสะอาดทั้งใจกาย

จงอย่าท้อถอยและยอมแพ้ ขอให้มีขันติและความเพียรเป็นรากฐาน มีสติปัญญาเป็นอาวุธ มีจิตใจเป็นนายใหญ่ที่เข้มแข็ง แล้วทุกข์ต่างๆย่อมคลี่คลายผ่านพ้นไปในที่สุดครับ สาธุ

 

สาธุ ขอบพระคุณครับ

 

สวัสดีคับ อยากรบกวนถามอีกครั้งคับ เกิด 5 เม.ย. 2531
- อดีตชาติผมเคยเกิดเป็นอะไรมาจากไหนคับ
- เทพหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ปกปักรักษามีท่านไหนบ้างคับ ถ้าขอท่านๆจะช่วยมั้ยคับ
- ที่ อ.เคยบอกว่าปีนี้จะมีคู่เข้ามาตอนนี้ยังเงียบอยู่เลยคับ พอจะบอกช่วงเวลา ลักษณะ ได้หรือเปล่าคับ
- ผมมีพี่ชาย 1 คน เขาจะได้แต่งงานหรือเปล่าคับ พี่อายุ 33 แล้ว พ่อแม่อยากมีหลาน แต่พี่เขาก็ไม่เลือกใครสักที ตอนนี้มีคนนึงมาหาที่บ้านบ่อยๆ เป็นลูกศิษย์ของแม่ เขาเป็นครู พอมีลุ้นมั้ยคับ

 

รบกวนสอบถามผู้ที่มีภูมิธรรมสูงกว่าผมช่วยคลายความสงสัยให้ทีครับ
มีข้อสงสัยครับ อัตตาหิอัตโนนาโถ ที่แปลว่าตนเป็นที่พึ่งแห่งตน กับ บท นัตถิ เม สะระณัง อัญญัง พุทโธ เม สะระณัง วะรัง ที่แปลว่า ที่พึ่งอื่นของข้าพเจ้าไม่มี พระพุทธเจ้าทรงเป็นที่พึ่งอันประเสริฐ สรุปแล้วที่พึ่งของเราคือพระรัตนตรัยหรือว่าตนเองหรอครับ มันแลย้อนแย้งกันครับเพราะที่พึ่งอื่นของข้าพเจ้าไม่มี...(แล้วทำไมถึงไม่พึ่งพาตนเอง)

 

รบกวนขอแสดงความเห็นตามความเข้าใจของหนูนะคะ

บท นัตถิ เม สะระณัง อัญญัง พุทโธ เม สะระณัง วะรัง ที่แปลว่า ที่พึ่งอื่นของข้าพเจ้าไม่มี พระพุทธเจ้าทรงเป็นที่พึ่งอันประเสริฐ

ตรงนี้ความเข้าใจของหนู คือ เรายึดหลักธรรมคำสั่งสอนที่องค์พระศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงเมตตาแสดงไว้ให้ เพื่อให้เราได้ยึดเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิตและปฏิบัติ เพื่อให้ได้เข้าถึงซึ่งพระนิพพาน หลุดพ้นไปจากสังสารวัฏ ไม่ว่าใครจะสอนอย่างไร เราจะนำมาตรวจสอบกับหลักคำสอนของพระศาสดาเสมอ ว่าเพี้ยนแผกไปจากที่พระองค์ท่านเคยสอนไว้หรือไม่คะ

จึงอาจเทียบได้ว่า "ที่พึ่งอื่นของข้าพเจ้าไม่มี พระพุทธเจ้าทรงเป็นที่พึ่งอันประเสริฐ"

ส่วน "อัตตาหิอัตโนนาโถ" ตนเป็นที่พึ่งแห่งตนนั้น
ความเข้าใจของหนู คือ ต่อให้พระศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงแสดงคำสอน แนวทางนำไปสู่ความหลุดพ้น อันประเสริฐ หรือ วิเศษ แค่ไหน แม้ผู้ได้มาพบ ได้เห็น แต่ไม่ลงมือทำ ก็ไม่สามารถบังเกิดผลได้

ท่านทรงแสดงเส้นทางไว้ให้เราเดิน ถ้าเราไม่เดิน เราก็จะไปไม่ถึงจุดหมาย โดยเฉพาะการปฏิบัติเพื่อให้ถึงความหลุดพ้นนั้น ไม่มีใครสามารถช่วยใครได้จริงๆคะ เราต้องลงมือทำ ฝึกจิต ฝึกใจ ด้วยตัวเอง จริงๆ

หนูเข้าใจว่า ไม่มีใครสามารถล้างใจของใครได้ นอกจากเจ้าของใจเป็นผู้ล้างใจฝึกจิตให้สะอาดผ่องแผ้วด้วยตัวเองคะ

จึงเปรียบเทียบได้กับว่า "ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน" คะ

ผิดถูกประการใด ขอขมา ขออภัยมา ณ ที่นี้ ด้วยคะ
หนูพึ่งเริ่มเดินคะ แสดงความเห็นตามความเข้าใจ
ขอร่วมอนุโมทนาในทุกบุญ ทุกกุศล ทุกประการ คะ
สาธุ สาธุ สาธุ

 

สาธุ สาธุ สาธุ
ขอบคุณคำสอนของอาจารย์คะ

 

ขอบพระคุณครับ เจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไปครับ

 

สาธุ สาธุ สาธุ ขอบคุณคะ

 

=======
รบกวนถามในPM อีกครั้งนะครับ

 

ขออธิบายเรื่องที่พึ่ง อันประเสริฐและที่พึ่งแห่งตน

เป็นคำถามที่ดีมากครับขออนุโมทนา

สรรพสัตว์ย่อมหลุดพ้นได้เพราะชำระตนได้สำเร็จ นั้นคือต้องอาศัยตนนั้นแลเป็นที่พึ่งแห่งตน

ตนจะเป็นที่พึ่งแห่งตนได้ย่อมต้องมีหลักยึดอันประเสริฐเพื่อเป็นเครื่องมือช่วยให้ตนเป็นที่พึ่งแห่งตนได้ นั้นคือพระรัตรตรัย เหตุเพราะ พระรัตนตรัยคือทางสว่าง เป็นสรณะอันประเสริฐสุดที่นำทาง
ทำให้ตนเองนั้นเกิดปัญญา ปัญญาที่เกิดเป็นเพียงปัญญารับรู้ สัญญาที่เกิด เมื่อถึงตรงนี้ย่อมต้องใช้การสั่งสมปัญญาด้วยการปฏิบัติเพียรภาวนา ตรงนี้คืออาศัยตนเป็นที่พึ่งแห่งตน เพื่อพัตนาจากความรู้หรือสติปัญญาที่ได้จากพระรัตนตรัย พัตนากายใจของตนชำระให้ขาวรอบ
อนึ่งที่พึ่งอันมีความสืบเนื่อง แต่สุดท้ายแล้ว แม้เราจะมีที่พึ่งอันประเสริฐคือพระรัตนตรัย แต่เราไม่น้อมนำมาฝึกฝนชำระกายจิตของตน เมื่อนั้นเราก็ยังไม่มีที่พึ่งอันยิ่งกว่าคือตนเอง ยังไปนิพพานไม่ได้ ยังทำตนให้เป็นที่พึ่งของตนเองไม่ได้

พระพุทธเจ้าก็ดีพระอรหันต์ก็ดี ท่านจะเป็นที่พึ่งอันประเสริฐได้ ท่านก็ย่อมฝ่าพันเอาชนะจนยกตนเป็นที่พึ่งแห่งตนได้สำเร็จแล้วด้วยกันทั้งสิ้น

ดังนั้นพึงแยกแยะความหมายให้ดีว่า
ที่พึ่งอันประเสริฐดีอย่างไรเพื่ออะไรให้ผลประมาณใด
ที่พึ่งแห่งตน ก็เช่นกัน

ที่สุดแล้วผู้มีความดี มีความเพียร มีสติปัญญามาก ย่อมฝึกตนเพื่อนำตนให้เป็นที่พึ่งแห่งตนได้สำเร็จและชำระตนให้ขาวรอบสะอาดเมื่อปัจจัยพร้อม

ที่อธิบายมาคงพอจะเข้าใจนะครับ สาธุ

 

ความหลุดพ้นทุกข์มิได้อาศัยสิ่งภายนอกชำระ หากแต่อาศัยการชำระด้วยจิตชำระจิตของตนเอง

เมื่อใดที่จิตสามารถชำระจิตของตนเองได้ขาวบริสุทธิ์ นั่นย่อมแสดงว่า ตนได้ทำตนให้เป็นที่พึ่งแห่งตนได้แล้ว เพราะตนย่อมไม่เวียนว่ายในวัฏฏะอีกแล้วหลุดพ้นจากทุข์แล้วนั่นเองครับ สาธุ

 

สวัสดีค่ะอาจารย์ จากที่ตามอ่านในกระทู้หนูมีความสงสัยเกี่ยวกับตัวเองอยู่มาก รบกวนอาจารย์ช่วยดูให้หนูด้วยนะคะ
1.หนูเกิดวันที่31ธันวาคม2537 พื้นดวงชะตานี้เป็นอย่างไรคะ
2.มีโรคประจำตัวที่เพิ่งเป็นได้2ปี มีวิธีรักษาให้หายขาดไหมคะ และโรคที่เป็นอยู่นี้มาจากผลของกรรมใดที่เคยทำ หนูควรปฏิบัติตัวอย่างไร
3.อดีตชาติหนูมาจากภพภูมิไหนคะ 3 ชาติก่อนมาเกิดเป็นมนุษย์
4.มีความผูกพันธ์กับพญานาคองค์ไหนหรือเปล่าคะ เคยฝันเห็นพญานาคองค์สีดำนิล ท่านคือใคร และหนูเกี่ยวข้องกับท่านอย่างไรคะ
5.มีคู่ที่อยู่ต่างภพชาติหรือเปล่าคะ
6.สิ่งศักดิ์สิทธ์ที่คุ้มครอง
7.มีบุญเก่ามามากน้อยเพียงไร
8.อดีตชาติที่เกิดเป็นพญานาค มีประวัติความเป็นมาอย่างไรคะ
9.การปฏิบัติธรรมที่หนูตั้งใจจะได้ถึงระดับไหน หนูอธิฐานจิตมาแบบไหนคะ
10.หลังจากที่ทำให้ทุกอย่างให้พ่อกับแม่สบายได้แล้วหนูตั้งใจจะไปปฏิบัติธรรม นี่คือจุดมุ่งหมายตั้งแต่เด็กๆ หนูจะได้ทำอย่างที่ตัวเองหวังไว้มั้ยคะ
ขอบพระคุณอาจารย์ล่วงหน้าค่ะ

 

========

หนูมีเชื้อสายพยานาค แต่เป็นพยานาคทางเหนือ ประจำอยู่แม่่น้ำทางเหนือ
ชะตาปีนี้มีทั้งร้ายและดี มีเสน่ห์ในตนเองแต่ก็มีภัยหรือปัญหาตามมา ปีนี้มีชะตากรรมมีชายเข้ามาพัวพันในชีวิตไม่ควรประมาท พื้นฐานดวง วาสนาดี มีกรรมเก่าตัดรอ เกิดมาดีปานกลาง แล้วค่อยๆดีขึ้น เบญเพศมีเคราะห์ สามสิบไปแล้วจะดี มีคู่ทั้งแท้และเทียม หากตั้งมั่นในความดีปั้นปลายจะพบคนดีและเปลี่ยนชีวิตสู่ความเจริญรุ่งเรือง

ถ้าทำไม่ดีจะอายุสั้น ชาตินี้มีอุปสรรคมากให้ทำทานชีวิตสัตว์บ่อยๆ บวชพราหมถือศีลจะช่วยได้มากควรทำทุกปี ทำทานคนแก่คนพิการบ่อยๆจะดีครับ

โรคประจำตัวให้ทำบุญตามที่บิอกไปนี้ก่อน แล้วไปถวายสังฆทานและปิดทองพระพุทธุปในจุดที่เราป่วย9แผ่น จะหายภายใน1สัปดาห์ครับ แต่อย่าลืมว่ากรรมที่เกิดจากการฆ่าสัตว์ผ่าท้องสัตว์และใช้ของมีคมทำร้ายสัตว์ จึงเกิดโรคขึ้นกับร่างกายเรา ครับ ทำบุญตามที่บอกบ่อยๆแล้วจะดีขึ้นครับ

อดีตชาติ สามชาติ เป็นนาคี ชาติที่สองเป็นสตรีนางกำนัน ชาตินี้เป็นสตรีผู้แสวงบุญ หมั่นทำความดีแล้วจะบังเกิดผลดีครับ

พยานาคที่เคยเกี่ยวข้องท่านเป็นเชื้อเจ้าเมืองบาดาลทางเหนือ ท่านมีนามว่าพระสุภัททะปัญจะนาคราช เป็นคู่ต่างภพ

มีเทพพรหมคุ้มครองหลายพระองค์ครับ

อดีตที่เป็นนาคราช เกิดในถ้ำแห่งบาดาลนทีแห่งหนึ่ง ทางตอนเหนือโยกนก ครอบครัวคือตระกูลนาคราช ขอตอบเท่านี้ยังไม่มีเวลาตรวจลึกมากครับ

การปฏิบัติธรรมได้ธรรมเทียบเท่าพระโสดาบัน แต่ยังไม่ปราถนานิพพานเพราะมีห่วงเก่า ต้องมีหน้าที่บางอย่าง ช่วยพระโพธิสัตว์และเครือยญาติสร้างบารมีครับ

สมปราถนาครับ แค่รอเวลา แต่ก็มีอุปสรรคเข้ามาเรื่อยๆไม่ควรประมาท ค่อยๆสั่งสมบารมีมั่นคงในความดี และยึดมั่นในพระรัตนตรัยและครูอาจารย์เทพอารักษ์ นะครับสาธุ

 

ขอบคุณมาก

ขอบคุณมากนะคะอาจารย์

 

เนื่องด้วยในวาระเข้าพรรษาที่จะถึงนี้ ตรงกับวันที่28 กค 2561 กระผมได้มีความตั้งใจในการ สั่งสมบุญกุศล ด้วยการ จัดหาจัดสร้างพระพุทธรูปถวายให้กับทางวัดแห่งหนึ่งพร้อมด้วยปัจจัยส่วนหนึ่งเพื่อใช้ ถวายเทียนพรรษา และบูรณะฏิสังขรณ์วัด กระผมจึงขอบอกบุญมายังสาธุชนทุกท่านผู้มีจิตศรัทธา ร่วมบุญร่วมกันครับ ท่านใดปราถนาร่วมบุญถวายปัจจัย สามารถโอนเงินปัจจัย มาได้ ครับ ที่ บัญชี นายทิตย์พิชัย จิตรามาศ( Mr. Titpichai Jitramas) เลขที่บัญชีคือ 386-8-02732-1
ประเภท ออมทรัพย์ ธนาคา กรุงเทพ สาขา สุวินทวงค์

ทั้งนี้ ผมได้เตรียม วัตถุมงคล และ พระเครื่องส่วนหนึ่งที่เก็บสะสมมาประมาณ 20กว่าปีเป็นของขวัญให้ไปบูชา โดย ท่านที่ร่วมทำบุญ300-900บาท จะได้ วัตถุมงคลหรือพระเครื่องทั่วไป ส่วน1,000 บาทขึ้นไป จะได้ พระเครื่องเก่าหรือพระกรุ ซึ่งผมจะส่งให้ทางไปรษณีย์ โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ จะส่งให้ตามชื่อและที่อยู่ที่ท่านแจ้งมาในข้อความครับ

สุดท้ายนี้ ด้วยอานิสงค์แห่งการสร้างพระพุทธรูป ถวาย เป็นพุทธบูชา สืบทอดพระศาสนา ด้วยอานิสงค์แห่งบุญนี้มีมากมายเอนกอนันต์ ยังผลให้ชีวตมีความเจริญรุ่งเรืองสูงสุดทั้งทางโลกและทางธรรม และขอขอบคุณและอนุโมทนาแก่ทุกท่านที่มีจิตศรัทธาร่วมบุญในครั้งนี้ มา ณ โอกาสนี้ครับ

 

พูดถึงร่างทรงมีจริงหรือไม่ คำตอบคือมีจริงก็ใช่ ไม่มีจริงก็ใช่ แต่สาระสำคัญคือ ร่างทรงเป็นคำพูดที่สือถึงการที่จิตอีกดวงผ่านกายสังขาร หนึ่งๆ ที่มีจิตเดิมประจำอยู่ จิตไม่อาจซ้อนทับจิตอีกดวงได้ใช่หรือไม่ แต่จิตอีกดวงเมื่อมีกำลังมาก ย่อมอาศัยกำลังเข้าแทรก ควบคุมกายใหม่ จิตเดิมตั้งอยู่ในสมาธิว่าง จากกายตน จิตใหม่ย่อมสัมปยุตกายใหม่ ตามกำลังอัตภาพสมควรแก่ปัจจัย แม้กระนั้น การสัมปยุตแห่งกายและจิตใหม่ย่อมเกิดขึ้นได้ตามปัจจัย แม้กระนั้น จิตย่อมสัมปยุตกัยจิตก็ย่อมเกิดขึ้นได้ แต่มีเงื่อนไขข้อจำกัด จิตโดยแท้จริงคือพลังงานจำเพาะแม้กระนั้น จิตที่ฝึกมาดีย่อมรู้วิธี จิตเมื่อแบ่งภาคอวตาลได้ ในทางกลับกัน จิตย่อมสัมปยุตรวมได้ แต่การรวมกันของจิต ย่อมต้องมีสิ่งที่เป็นพื้นฐานเดียวกัน ธาตุใดๆ จะแยกหรือรวมต้องมีพื้นฐานเดียวกันจึงทำได้ พื้นฐานที่ว่านั้นผมจะไม่กล่าวในเวลานี้

และ เราจะไม่กล่าวในสิ่งที่เราไม่เคยก้าวล่วง แต่เราจะกล่าวในสิ่งที่เราก้าวผ่านมาแล้ว และรู้แล้วว่าธรรมดาเป็นอย่างนี้ กายก็คือกาย จิตก็คือจิต จิตที่ร่วมอยู่กับกายอาศัยปัจจัยหลายอย่างประกอบ จิตใหม่กับกายใหม่ สัมปยุตได้เพราะมีปัจจัยส่งเสริม แต่ทุกอย่างก็มีเวลาของมัน ธรรมดาย่อมเป็นไปตามธรรมชาติ สิ่งที่ไม่ปกติธรรมดา ก็ย่อมมีเงื่อนไขของเวลาเป็นครื่องกำหนด เพราะเวลาก็เป็นพลังงานอย่างหนึ่งที่คอยปรับแต่งให้เหมาะสมตามธรรมดาของมัน

ดังนั้น จริงเท็จ ย่อมเป็นเรื่องเฉพาะตน ที่ตนเท่านั้นย่อมรู้ได้ ตนย่อมรู้ได้ก็เพราะตนได้ฝึกฝนก้าวผ่านมาแล้วนั้นเอง จึงบอกผู้อื่นได้ เมื่อยังทำไม่ได้ยังไม่เคยก้าวผ่านก็ควรฟังและศึกษาให้มากแล้วน้อมนำตนฝึกฝนตนให้ทำได้ เมื่อทำได้ด้วยตนย่อมรู้แจ่้งในตน ใครคนอื่นก็ไม่สามารถมาบิดเบือนความจริงต่างๆได้

ดังนั้นเรื่องกายและจิตนี้ มีสิ่งที่ต้องเรียนรู้ฝึกปฏิบัติอีกมากมายครับ สาธุ
( ปล. เห็นว่ามีประโยชน์จึงนำมาเผยแผ่ครับ)