สารพันปัญหา ตอบโดยคุณ nopphakan

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย รูปติดบัตร, 26 พฤศจิกายน 2016.

  1. gratrypa

    gratrypa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2011
    โพสต์:
    1,283
    ค่าพลัง:
    +1,505
    เขียน ๑๒.๑๖

    สถานการณ์ฉุกเฉินเช่นนี้ แค่รู้คงไม่พอล่ะมั้ง นะ
    จะหยุดหรือลากฝนไปที่อื่น ทำไงได้บ้างไม๊
    เห็นเค้าว่า อีกหลายวัน จะมีอีกแยะเลย
    จะท่วมแยะเกินไปแล้ว ไม่ดีเลย
    ท่านนพแนะหน่อยดิ ทำไง


    กระต่ายป่า แห่งประเทศไทย / พี่น้องนาครา

    .
     
  2. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,427
    ค่าพลัง:
    +35,048
    ๑.ใช้อาวุธพิเศษที่ได้จากการฝึกมาที่แบบว่ายิงได้พอเข้าใจเนาะ
    จะแบบมีสายก่อนหรือมีสายตอนยิงก็ได้(ย้ำว่าได้มาจากฝึกไม่ใช่ที่มีติดมา)
    บวกกับเหตุผลที่ยอมรับได้ หรือ
    ๒.ใช้บารมีส่วนบุคคล เหมือนพระสงฆ์หรือผู้มากบารมีทั้งหลาย
    คล้ายท่านที่พึ่งเสด็จสู่เบื้องบนที่เราล้วนเคารพและรักยิ่ง
    ๓.ขอบารมีท่านที่มีฤิทธิ์ที่อยู่ในช่วงสร้างบารมีอยู่
    (ท่านผู้มีชื่อตามสถานที่นั้นๆทั้งหลายนั่นหละครับ)


    ปล.ข้อหนึ่งมักจะเป็นหลักวันถ้าทำได้ นกเว้นว่าทำไว้ดักรอก่อน
    ข้อสองมักจะเกิดผล ณ เวลานั้น
    ข้อสามมักจะเกิดผล ณ เวลานั้นๆเฉพาะจุด เฉพาะกรณี
    และแม้ว่าจะฝึกถึงขั้นที่อฐิษฐานจิตได้
    ก็ยังต้องอาศัยบารมีส่วนตนที่มี
    ต่อภาคส่วนภพภูมิเช่นเดิม
    อย่างเราๆจะเทียบพระสงฆ์มีชื่อไม่ได้
    ก็ตรงนี้หละ พฤติกรรมในการดำรงชีวิต
    และพฤติกรรมแห่งจิต
    เราต่างกับท่านมาก
    พอเข้าใจเนาะ (^_^)
     
  3. gratrypa

    gratrypa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2011
    โพสต์:
    1,283
    ค่าพลัง:
    +1,505
    เขียน ๒๐.๔๖

    ข้อหนึ่ง คิดว่าไม่เคยฝึกนะ แค่เคยมโนเล่นๆ
    แต่แส้สายฟ้า เคยมโนเล่นแรงๆ หลายปีก่อนโน้น
    ตอนนั้น ในมโนเหมือนมีกองยานรบจากต่างดาวมาอ่ะ
    ออกไปสู้กันนอกโลก ขอยืมแส้เค้ามา เอาไปรับมือยานรบ
    เสกแส้เป็นสายฟ้า ล้อมทั้งกองยานเลย ยาวเป็นล้านกิโลเชียว

    ข้อสอง วิธีที่เคยใช้ ไม่รู้เรียกบารมีรึป่าวนะ ไม่แน่ใจจริง

    ข้อสาม ไม่ค่อยร้องขออะไรใครให้ช่วยหรอก ยโสโอหังมากเลย
    แต่ตอนทำโน่นนี่นั่น ก็บอกกล่าวชักชวนไปทั่วนะ แล้วแต่ใครจะสน


    อย่างเรื่องฝนรอบนี้น่ะ ก็แค่หลับตาแล้วมโนเอา ก็แค่นั้น
    ค่อยๆ ไล่เรียงเหตุปัจจัย ว่าจะต้องทำอะไรก่อนหลัง
    ไม่รู้ว่าคิดเอง หรือใครยัดใส่หัวมาให้นะ ไม่สน
    ที่ทำมาตลอด ก็ทำแบบเนี้ย นอกตำรา
    เพราะในตำรา รับมือไม่ไหว
    ก็..โม้ให้ฟังนะ ขอบอก

    เคยบ้า แต่หายแล้ว


    กระต่ายป่า แห่งหมู่บ้านในนิทาน / พี่น้องญาติเพื่อน "ฝั่งโน้น"

    .
     
  4. saintyom

    saintyom เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    286
    ค่าพลัง:
    +777
    ขอบพระคุณสำหรับคำแนะนำครับ จะพยายามฝึกไปเรื่อย ๆ ครับ
    ผมนี่มันกิเลสหนา ทำ ๆ ไปสักพักเบื่อ ก็เลิกเอาซะดื้อ ๆ
    วันดีคืนดีนึกครึ้ม ก็มาฝึกใหม่อีก เป็นอย่างนี้ไปเรื่อยครับ ไม่ต่อเนื่องไม่จริงจังสักที
    การปฏิบัติเลยไปไม่ถึงไหน T-T
     
  5. noinid0209

    noinid0209 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    742
    ค่าพลัง:
    +570
    ขอสอบถาม คุณnopphakan
    ไม่ทราบว่าพอจะมีข้อมูลพญานาคสีขาวไหมครับ แบบว่าสีขาวทั้งตัว
     
  6. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,427
    ค่าพลัง:
    +35,048
    นาคชอบปฎิบัติธรรมครับ
    หรือเด่นทางธรรมนั่นหละครับ
    ถ้าเห็นเป็นคนจะแต่งชุดสีขาวหลวมๆ
    ญ ชุดคล้ายคนไปถือศีลที่วัด
    ปล่อยผมไม่หวี
    ถ้ามีสีทองปนด้วย
    จะมีความสามารถในการรักษา
    ด้วยธาตุทอง บ้างเรียกธาตุกายสิทธิ์
    ที่สามารถเรียกจากอากาศได้
    ยกเว้นว่าจะปรากฏกายแบบดูมีอายุมากด้วยชุดสีขาวเหมือนกัน
    แบบนี้ก็รักษาคนได้ ใช้วิชา
    ที่เรียกว่าวิชาเดินธาตุโบราณ
    ซึ่งวิชานี้ผู้เป็นเลิศก็คือภูมิพยานาคนี่หละครับ
    ส่วนข้อมูลด้านอื่นๆเรื่องวงษ์ตระกูลไม่ทราบครับ
    ปล.ประมานนี้ครับ (^_^)
     
  7. noinid0209

    noinid0209 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    742
    ค่าพลัง:
    +570
    ขอบคุณครับ ได้หายสงสัยสักที
    พอดีว่าฝันเห็นพญานาคสีขาว 2 ตน สวยมาก เลยเกิดความสงสัย
    แล้วก็ช่วงนี้ชอบเห็นคนแก่ใส่ชุดขาวบ่อย
     
  8. noinid0209

    noinid0209 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    742
    ค่าพลัง:
    +570
    กดไปกดมาได้ คาถา เกี่ยวกับกระทู้นี้ ซะงั้น
    สหัสสเนตโต เทวินโต ทิพพจักขุง วิโสทายิ อิกะวิติ พุทธะสังมิ โลกะวิทู
    คงต้องเอาไปท่องให้ขึ้นใน
     
  9. noinid0209

    noinid0209 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    742
    ค่าพลัง:
    +570
    รบกวนอีกครั้งครับ
    เหมือนว่าตอนนี้ร่างกายมีธาตุไฟเยอะ และได้คำชี้แนะเรื่องการเดินธาตุ
    ผมกำลังจะเริ่มฝึก มีข้อแนะนำอะไรบ้างไหมครับ
     
  10. นทีบุญ

    นทีบุญ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    939
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +796
    พอได้อ่านคำตอบนี้แล้วนึกถึงตอนไปบวชที่วัดแห่งหนึ่งซึ่งอยู่กลางทะเล น้ำกร่อย ตอนนั้นช่วงเช้าสวดมนต์ทำวัตรเช้าเสร็จแล้ว กำลังเดินออกมาจากศาลาจะไปโบสถ์ ระหว่างนั้นเห็นผู้หญิงใส่ชุดขาวเหมือนคนปฏิบัติธรรม แต่มีผ้าสีฟ้าเลื่อมๆพาดบ่า เขาเดินพลวดพลาดออกมาจากริมน้ำด้านซ้ายมือ อยู่ในระยะที่สายตามองเห็นชัดเจน แต่ไม่ได้ยินเสียงที่เขาเดิน เหมือนคนเดินเท้าไม่โดนพื้นประมาณนั้น ไอ้เราก็นึกว่าคนปฏิบัติธรรมก็ว่ามีเพื่อนเดินไปโบสถ์แล้ว เพราะโบสถ์อยู่ไกล พอกำลังจะเดินไปถามเขา เขาก็เดินตัดหน้าไปแล้วหายวาบลงไปที่ริ่มน้ำอีกฝั่งซึ่งอยู่ทางด้านขวามือ ตอนนั้นคือชะงัก คิดว่าเจอแล้ว แต่ไม่รู้ว่าเป็นภพภูมิของอะไร สรุป คือ นาคใช่ไหมเนี่ย 5555 เพราะเดินหายไปในน้ำ 555
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 ธันวาคม 2016
  11. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,427
    ค่าพลัง:
    +35,048
    อุทิศส่วนกุศลกับเหยียบดินหรือหญ้าด้วยเท้าเปล่า
    บ่อยๆ ทำจนรู้สึกว่าตัวเบาครับ

    ปล.พาดสีฟ้าแสดงว่ายังเฝ้าสมบัติอะไรบางอย่างอยู่
    ถ้าโดยรวมดูการแต่งกายไม่เนียบ
    เป็นไปได้ว่าอาจตายแบบผิด
    ธรรมชาติเกี่ยวกับการดูแลสมบัติคับ

    พยานาคจะชัวต้องเห็นตอนแปลงร่าง
    และถึงจะใส่ชุดขาวหลวมๆ
    แต่ไม่ได้ดูออกหญิงเรียบร้อยคับ
     
  12. Higtmax

    Higtmax เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    2,344
    ค่าพลัง:
    +4,820
    เคยนิมิตเจอ แบบงูสีขาว ไร้เกล็ด เป็นหญิงแก่ ถือ ตระกร้าเชี่ยนหมาก แล้วก็ ถือตำราอะไรก็ไม่รู้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 ธันวาคม 2016
  13. kaka krit

    kaka krit Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    38
    ค่าพลัง:
    +96
    สวัสดีครับ ขอถามบ้างครับ

    รู้สึกว่าตัวเองเป็นคนไม่มั่นคง ไม่มีแก่นสาร หรือโลเลครับ
    ปัจจุบันจะพยายามนำพระรัตนตรัยมายึดเหนี่ยวจิตใจครับ
    ...แต่หลายครั้งที่ผ่านมามักเจอกับปัญหาหลายๆอย่าง ทั้งที่เราก็คิดว่าทำดีอยู่แล้วเช่น ตอนไปบวชครับ ก่อนสึกก็เจอแผลติดเชื้อที่ฝ่าเท้า จิตตกมากเลยครับทรมานมากด้วย เลยคิดว่าที่เราทำมามันพลาดอะไรตรงไหนไปครับ ก็พยายามคิดว่าชดใช้กรรม ให้เราตระหนักและระวังการใช้ชีวิตมากขึ้นครับแต่ก็อดน้อยใจบ้างไม่ได้ครับว่าทำไมถึงเป็นแบบนี้

    คำถามที่อยากถามครับ
    1.ผมอยากหาวัตถุมงคลมายึดเหนี่ยวจิตใจครับ ควรห้อยอะไรดีครับ
    2.ผมอยากเป็นคนมีความมั่นใจ มั่นคง มีเคล็ดอะไรมั้ยครับ
    3.ไม่นานมานี้มีคนเตือน ว่าเราควรโลภมากกว่านี้ ไม่งั้นก็จะเป็นแบบนี้คือไม่ก้าวหน้า ไม่เจริญ ผมก็ยังสับสนครับ ว่าเราควรสละ ทำบุญ หรือโลภครับ

     
  14. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,427
    ค่าพลัง:
    +35,048
    ๑.หลวงปู่สรวง ครับ
    ๒.ใจเป็นประธาน กายเป็นบ่าว เรามักจะเป็นไปอย่างที่ใจเราคิด
    เพราะฉนั้นอะไรไม่ดีก็ไม่ต้องไปคิดมัน คิดบวกเสมอ
    และที่สำคัญอย่าบ่น คำว่า เบื่อ เซง กลุ้ม...
    เพื่อนที่ดีที่สุดของเราคือลมหายใจ อย่าลืมเค้านะครับ
    เพราะอยู่กับเรามาตั้งแต่เกิด..ในทุกๆสถานะการณ์ เข้าใจที่สื่อนะครับ
    แต่ถ้าเจริญสติในชีวิตประจำวันให้ต่อเนื่อง เพื่อคอยควบคุมความคิด
    ควบคุมพฤติกรรมของจิตด้วย จะดีที่สุดครับ...
    ๓.พอเพียง คือ ตามสถานะแห่งการดำรงอยู่แห่งตนเองครับ..
    บ้านใหญ่แค่ไหน เราก็นอนได้แค่ห้องเดียว เข้าใจนะครับ
    ถ้าทำอะไรแล้ว มันทำให้ใจเรามันไปติด ลาภ ยศ สุข สรรเสริญ
    ไม่ควรทำ จะเป็นคนดีต้องรู้จักฝืน และไม่จำเป็นต้องไปบอกใคร..

    อยากมี อยากดี อยากเด่น อยากได้ ให้ระวังครับ
    ถ้าจะไม่ติดตรงนี้ได้ ต้องค่อยๆพยายามลด โลภะ ครับ
    ทุกคนเป็นกันได้มากน้อยแตกต่างกันไป
    พุทธสอนให้เรายอมรับตามความเป็นจริง
    เข้าใจถูกแล้วครับ เราไม่ใช่อรหันต์ เรายังไม่ดีพอ
    ไม่งั้นคงไม่ได้ลงมาเกิดแล้วครับ..ค่อยๆเป็นค่อยๆไปนะครับ
    (^_^)
     
  15. kaka krit

    kaka krit Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    38
    ค่าพลัง:
    +96
    ขอบคุณนะครับ ที่ช่วยแนะนำแนวทางให้ผมได้เดินต่อไปข้างหน้า พร้อมความมั่นใจที่มากขึ้น
    1.พอดีผมมีผ้าห่อสังขารของท่าน แผ่นเท่าเล็บนิ้วก้อยอยู่พอดีเลยครับ กับพระขุนแผนที่พอจะมีมวลสารของท่านอยู่ คงถึงเวลาอาราธนาขึ้นคอแล้วครับ
    2.ใจเราควรคิดแต่สิ่งดีๆ มีทัศนะคติที่ดี แล้วก็ฝึกอยู่กับลมหายใจ ไม่เหม่อลอย ไม่ขี้บ่น (ปกตินี่ผมขี้บ่น เพ้อเจ้อ เหม่อลอยมากครับ)
    3.ข้อนี้เต็มๆครับ เข้าใจง่ายมากๆโดยเฉพาะท่อนนี้ "ถ้าทำอะไรแล้ว มันทำให้ใจเรามันไปติด ลาภ ยศ สุข สรรเสริญ
    ไม่ควรทำ จะเป็นคนดีต้องรู้จักฝืน และไม่จำเป็นต้องไปบอกใคร.."
     
  16. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,427
    ค่าพลัง:
    +35,048
    คุณ photo and frame ไม่ลองฝึกการปล่อยวางดูหรือครับ
    สัมผัสการเข้าถึงข้างบนจะดีขึ้นครับ แม้ว่าช่วงแรกๆจิตมันจะยังเกิดอยู่
    แต่ถ้าสามารถปล่อยวางจนจิตคลายตัวได้ด้วยตัวเองโดยธรรมชาติ
    นี่จะฉลุยเลยครับ เพราะดูแล้วมีต้นทุนสัมผัสภายในมาดีอยู่แล้ว
    เป็นทุนเดิมครับ ข้อดีอีกอย่างถ้าทำได้จะไปด้าน
    ทางด้านปัญญาทางธรรมแบบธรรมชาติด้วยครับ...
    ปล.ฝากไว้พิจารณานะครับ (^_^)
     
  17. Gobshite

    Gobshite เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    255
    ค่าพลัง:
    +118
    ผมไม่มีจุดยืนครับไม่รู้จะฝึกไปยังไง
    เคยฝึกเจริญสติไปถึงขั้นนึงแล้วเสื่อมมาจรถึงทุกวันนี้กลายเป็นครรู้เยอะ
    แต่ทำไม่ได้ และพยายามหาที่พึ่งไปเรื่อย อยากรู้เรื่องนั่นนี่แต่หาจุดเริ่มต้นไม่ได้ก็เลยจับฉ่ายไปเรื่อยๆ ไม่พัฒนาไม่มีเป้าหมาย อยากได้ที่ยึดเหนี่ยวเป็นหลักโดยขอเป็นพระรัตนตรียแต่ก็ไม่รู้จะไปพึ่ง ครูบาอาจารย์องค์ไหนอีก อย่างท่านข้างบนแหละครับ อยากได้ที่ยึดเหนี่ยวผมควรอาราธนาครูบาอาจารย์องค์ไหนเป็นหลักดีครับที่เหลือในทางสมาธิ พี่นพพอจะแนะนำได้ไหมครัย จุดเริ่มต้นที่ผมควรทำแล้วเห็นผลถ้าเห็นผลแล้วกำลังใจในการทำของผมมันจะเกิดขึ้นทันที พี่นพน่าจะพอรู้แนวที่ผมชอบนะครับ ขอบคุรครับ
     
  18. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,427
    ค่าพลัง:
    +35,048
    มาแนวๆ johhๆ สิ่งที่สำคัญที่สุดเลยก็คือตัวจิตเราเองนี่หละครับ...
    เอาตัวเองนี่หละครับ เป็นอาจารย์คอยสอนคอยเตือนตัวเอง..
    การที่เราไปแสวงหาครูบาร์อาจารย์ทั้งหลายนั่นก็เป็นเพียง
    แค่แนวทางครับ....
    ในอดีตสมัยพุทธกาล แม้อยู่ต่อหน้าพระพุทธก็หาใช่ว่าบุคคลนั้น
    จะเข้าถึงหรือสำเร็จอะไรได้..ตัวจิตเราเองนี่หละครับสำคัญสุด...

    เหตุเกิดจากภายนอกหรือภายใน...
    ถ้าเกิดจากภายนอกเราก็ใช้สติพากายไปแก้ปัญหาซะ...
    ถ้าเกิดจากภายใน เราก็รู้จัก ระงับ ควบคุมมันซะ
    รู้จักดับมันซะ ความคิดที่เกิดจากจิตต่างๆ
    อะไรที่มันไม่ดี ก็ไม่ต้องให้มันเกิด
    และไม่ต้องเอามันมาคิด..ให้ดับมันไปเลย...
    เมื่อดับมันไม่ให้มันเกิดบ่อยๆ
    มันก็ไม่รู้ว่าจะเอากำลังที่ไหนมาเกิด
    วิธีการนี้เรียกว่าเป็นการหักดิบซึ่งต่อไปจะได้ผลเอง
    ได้ผลอย่างไร อ่านต่อไปก่อน....

    แล้วเราจะไปรู้ได้อย่างไรหละว่า เหตุเกิดจากอะไร
    อะไรเป็นเหตุภายนอก หรือ อะไรเป็นเหตุภายใน
    เราจะทันมันตอนไหน เราจะไปดับมันได้อย่างไร
    เราจะไม่ไปเผลอร่วมปรุงกับมันได้อย่างไร
    เราเลยจำเป็นจะต้องมาสร้างเครื่องมือตัวหนึ่งขึ้นมา
    เครื่องมือนี้ เรียกว่า สติทางธรรม ที่ได้จากการเจริญสติ
    ในชีวิตประจำวันของเรานั้นเอง และมีความจำเป็น
    ที่เราต้องสร้างให้มันต่อเนื่องด้วย เพราะอย่าลืมว่า
    กิเลสต่างๆ ความคิดที่เกิดจากจิตต่างๆ เค้าอยู่ร่วม
    กับจิตเรามานามมากแล้วเท่าไร ไม่ต้องเอาชาติก่อน
    เอาชาตินี้ เราอยู่กับความคิดที่เกิดจากจิตมาตั้งแต่
    จำความได้ แต่ถ้าเทียบเวลาที่เราลืมตา เราจะพบว่า
    เราอยู่กับการเจริญสติในชีวิตประจำวันน้อยมากๆ..
    ดังนั้นการเจริญสติในชีวิตประจำวัน
    ให้ต่อเนื่องจริงๆมันถึงจะพอ และจำเป็นต้องอาศัย
    ความเพียรอย่างมากในช่วงแรก พอที่จะมีความ
    เร็วพอในการที่สติทางธรรมเค้าจะคอยควบคุมความคิด
    พอควบคุมพฤติกรรม ของจิตเราได้ เพื่อให้จิตเรา
    คลายจากความคิดและพฤติกรรมของจิตเรานี้
    ซึ่งพวกนี้ล้วนแล้วแต่เป็นฝ่ายนามธรรมทั้งสิ้น


    พอเรามีตรงนี้แล้วซักพัก เราก็จะเข้าใจอารมย์ฝ่ายนามธรรม
    ต่างๆได้ดียิ่งขึ้น ต่อไปเมื่อจิตเค้าคลายตัวเองจากความคิด
    จากฝ่ายนามธรรมต่างๆได้แล้ว จนจิตมีความเป็นกลาง
    (คือไม่มีความคิดเราเข้าไปแทรก ไปปรุงร่วม) เราถึงค่อย
    ปล่อยให้จิตเค้าได้รับรู้ ได้เห็น ตามความเป็นจริง ณ เวลาปัจจุบันนั้นๆ
    โดยมีกำลังสติทางธรรมเป็นเพียงแต่ผู้คอยควบคุม
    โดยที่ไม่มีความคิดเข้าไปแทรกแซง
    ตัวจิตก็มีโอกาสที่จะเกิดเป็นปัญญาทางธรรมขึ้นมาได้...
    ในระหว่างนี้ ที่จิตจะเริ่มเป็นกลาง เราใช้การพิจารณาเข้าไป
    เป็นแนวทางเดินให้กลับจิตได้
    แม้จะยังไม่ใช่ปัญญาทางธรรมจริงๆก็ตาม
    เช่น เรื่องนี้ควรไม่ควร เรื่องนี้ไม่ใช่ไม่ใช่ทาง
    หรือพรหมวิหาร ตลอดจนหลักสำคัญๆต่างๆ
    ทางด้านคำสอน ตำราต่างๆ เพื่อพร่ำสอนจิต
    เราไปเรื่อยๆได้เช่นกัน เด่วถึงสภาวะที่จิตเป็นกลาง
    และผ่านการรับรู้ตามความเป็นจริง จนจิตคลายจากเรื่อง
    นั้นๆได้ ตัวจิตเค้าก็จะปล่อยจะคลายตัวของเค้าได้เองโดยธรรมชาติ
    ซึ่งตรงนี้ค่อยๆเป็นค่อยๆไปด้วยตาวาระแห่งตน....
    ข้างบนที่กล่าวมาแล้วนั้นถือว่าเป็นสิ่งสำคัญที่สุดที่ไม่ควรมองข้าม
    เป็นอันขาด
    ****เพราะแม้ต่อให้ในอดีตชาติเราจะเคยฝึกกรรมฐาน
    พิเศษกองใดก็ตามได้มาก่อนนั้น แม้ว่าเราจะรู้สึกว่า
    ชอบมันมากๆเป็นพิเศษก็ตาม หรือแม้ว่ามันจะปรากฏขึ้นมา
    ให้เราพอทราบในลักษณะ ใดๆก็ตาม ห้ามไปให้ความสำคัญกว่า
    การฝึกเจริญสติทางธรรม จนกว่าจะถึงในระดับที่เริ่มเดินปัญญาได้
    เป็นอันขาด หมายถึง เข้าใจกิริยาต่างๆของความคิด
    เข้าใจกิริยาของจิตเกิด เข้าใจกิริยาของความคิดที่ผุดขึ้นมาโดย
    ไม่ได้ตั้งใจ และรู้เท่าทันตั้งแต่ที่มันจะเริ่มขึ้น....
    เพราะไม่งั้น แม้ว่าพวกกรรมฐามพิเศษแม้ว่ามันจะดูเหมือนไม่ยึด
    แต่ว่ามันเป็นกิเลสอย่างหนึ่ง เรียกว่า กิเลสธรรม ซึ่งจะโน้นน้าว
    ให้เราไม่สนใจในเรื่องของการ สร้างสติ และการปัญญาเพื่อลด
    ละ กิเลส ต่างๆกลายเป็นว่า จะสร้างให้เรามีเรายึด
    ไม่ว่า ลาภ ยศ สุข สรรเสริญ อย่างใดอย่างหนึ่ง
    และที่สำคัญจะหลงตัวเองได้อย่างคาดไม่ถึง....
    หลงในระดับที่ว่า แม้ไม่มีความสามารถแสดงได้
    พิสูจน์ไม่ได้ สอนหรือแนะใครก็ไม่ได้
    การถ่ายทอดล้วนมีความคิดมาปรุงมิใช่มาจากการปฏิบัติ
    และรู้เองเอ่อเองคนเดียว ก็จะคิดว่าตัวเอง
    เก่งกว่าใครเค้าได้อย่างไม่น่าเชื่อว่าเกิดขึ้นได้...
    แต่ก็พบว่า มีบุคคลต่างๆแบบนี้ปรากฏให้เห็น
    ได้ทุกยุคทุกสมัย เนื่องจากว่าไม่ให้ความสำคัญ
    กับการสร้างสติทางธรรมและเดินปัญญาได้ก่อน
    ในเบื้องต้นอย่างที่ได้กล่าวมาแล้วก่อนหน้านั่นเอง***


    รู้และเข้าใจแนวทางข้างบนแล้ว...
    ต่อไปถ้าอยากจะรู้อะไรก็ให้มาดูที่ใจตัวเอง....
    สร้างตัวเองให้ดีจากภายในออกไปภายนอก..
    เมตตาก็เช่นกันสร้างมันออกจากภายใน...
    เราไม่ต้องไปแสวงหาครูบาร์อาจารย์ที่ไหน...
    ถ้าเราพร้อมจากภายใน พื้นฐานเราพร้อม..
    เด่วครูบาร์อาจารย์ท่านจะเข้ามาของท่านเองครับ...
    เพราะถ้าเราฝึกปฏิบัติ ไม่ว่าท่านใดก็ตามที่เราเคยมี
    สัมพันธ์ด้วยยังไงเราก็ต้องได้พบเจอท่านเองครับ....
    และเราไม่จำเป็นต้องบอกใคร การพบเจอสามารถพบเจอ
    ได้ด้วยตาเปล่าๆสองข้างเรานี่หละครับ...

    และการปฏิบัติบูชาที่ดีที่สุด ก็คือการปล่อยวาง
    ให้ความเคารพนับถือทุกภาคส่วนโดยไม่แยกแยะ
    แต่ไม่ยึดถือ..ไม่ยึดมั่นถือมั่น
    อ่านนัยยะข้างล่างให้ดีๆ
    ''ถ้าจะทำก็ทำไป
    ถ้าจะให้ก็ให้ไป
    ไม่ต้องไปอะไรกับมัน...
    ทำให้ ให้ไปแบบไม่ต้องคาดหวังอะไร
    และไม่อะไรกับสิ่งที่ทำ
    มันจะกลายเป็นบารมีไหลย้อน
    กลับเข้ามาหาตัวเราได้เอง...

    บารมี แม้มีเข้ามาแต่ว่าใช้ไปมันก็มีหมด
    เราก็ทำให้ก็ให้ไปอีก เราก็ให้แล้วก็แล้วไปอีก
    เราก็ไม่ต้องคาดหวังอะไรๆกับมันอีก
    มันถึงจะกลายเป็นบารมีไหลเวียน
    เข้ามาอีกเรื่อยๆไม่มีหมดได้ของมันเอง''

    การที่จะมีครูบาร์อาจารย์ทางภพภูมิ
    ไม่ว่าท่านใดก็ตามที่เข้ามา ให้เราเข้าใจนัยยะข้างบน
    ให้ดีๆ และก็จะมีท่านโน้นนี่นั้นเข้ามาเรื่อยๆ
    มาส่งเสริมตามแต่เนื้อหาเดิมแท้ของจิตเราได้เอง
    โดยที่เราไม่ต้องไปแสวงหาครูบาร์อาจารย์ที่ไหน
    ให้เสียเวลา ให้เหนื่อยเปล่า

    เพราะยิ่งถ้าชอบอะไรที่พิเศษๆ
    ตรงนี้สำคัญมาก เพราะบางกรรมฐาน
    ถ้าเราฝึกเอง บางครั้งชาตินี้ฝึกทั้งชาติ
    ก็ยังไม่สำเร็จ นอกจากไม่สำเร็จแล้ว
    ยังหลงกับสภาวะระวังทางแล้วเอามายกตนเอง
    คิดว่าตนเหนือกว่าใครได้อย่างคาดไม่ถึงอีกด้วย...
    มีตัวเองให้เห็นมากมายในสังคมแห่งนี้...

    และต่อไปตัวสติและปัญญาทางธรรม
    ก็จะทำหน้าที่แทนความคิด และจะเป็นเพื่อน
    ที่ดีที่สุดสำหรับเรา และจะคอยปกป้องคุ้มครองเราเอง
    จึงเป็นเรื่องที่หลีกเหลี่ยงไม่ได้เลย ที่จำเป็นจะต้อง
    ให้มันมีขึ้นมาก่อน เพราะถ้ามีแล้ว ไม่ว่าฝึกกรรมฐาน
    อะไรมันก็จะเข้าใจได้ง่าย ไปได้เร็ว
    เพราะทุกเรื่อง ทุกสภาวะในกรรมฐาน
    ตลอดจนความเข้าใจในสภาวะต่างๆนั้น
    ล้วนแล้วแต่เป็นนามธรรมทั้งสิ้น..
    ซึ่งต้องอาศัยกำลังสติทางธรรมตัวนี้ในการเข้าใจ
    แทนการใช้ความคิดต่างๆ และอาศัยปัญญาทางธรรม
    เพื่อให้เรายังเดินอยู่ในทางที่จะไปถึงปลายทางได้
    โดยที่ไม่เผลอกลายพันธ์ในระหว่างทางได้นั้นเอง...
    ปล ประมาณนี้พอเข้าใจเนาะ ( ^_^ )





     
  19. คนโง่โง่

    คนโง่โง่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2012
    โพสต์:
    483
    ค่าพลัง:
    +302
    ขออนุญาติครับท่าน นพกานต์ สายที่ท่านกล่าวคือสายธรรมชาติหรือเปล่าครับการเรียนรู้ของผมจะคล้ายๆกับที่ท่านกล่าวมาครับค่อยๆพบ ค่อยๆเจอ ค่อยๆเห็นค่อยเข้าใจ ไปตามสติ สมาธิ ปัญญา ที่ค่อยพัฒนาทีละเล็กละน้อย เช่นจากเคยเห็นความโกรธไม่ดี ก็เห็นว่ามันก็มีดีนะใช้อบรมคนได้ เห็นความกลัวไม่ดี เอะความกลัวก็ทำให้คนก้าวหน้าได้นะ เพียงแต่ให้มันดับไปตามขั้นตอนไม่ค้างคา พอเริ่มเข้าใจก็จะมีเรื่องราวต่างๆให้ใช้ธรรมเหล่านี้ไปตามกาล เลยครับ เหมือนเห็น สิ่งนี้ เกิดขึ้นตั้งอยู่ ดับไป แต่ช่องว่างระหว่างก่อนดับก็สามารถนำมาทำอะไรได้นะครับท่านนพกานต์
     
  20. Gobshite

    Gobshite เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    255
    ค่าพลัง:
    +118

    พอจะมองภาพออก แล้วครับ
    พอจะเข้าใจบ้างในบางส่วนอาจจะไม่เคลียร์100%
    แต่ก็มากกว่าครึ่งนึง เหมือนที่พี่นพพูดเลยครับจุดเริ่มต้นจะลำบากแล้วยากที่สุด
    รหว่างทางจะประคับประคองให้มันไปตลอดก็ยากแต่ถ้าให้มองอีกมุมก็เหมือนเป็นด่านที่จะสร้างความเเข็งแรงของสติให้มากขึ้น ประเด็นมันอยู่ที่ว่าส่วนมากผมมักจะแพ้ระหว่างทางตลอดเลย 55
     

แชร์หน้านี้

Loading...